กรมสุขภาพจิต ชี้ เด็กมีความเครียดและหมดไฟ จากการเรียนออนไลน์ มากขึ้น

กรมสุขภาพจิต ชี้ การระบาดโควิด19 ทำให้ เด็กมีความเครียดและหมดไฟ จากการเรียนออนไลน์ มากขึ้น สูงกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 3 เท่า

วันนี้ (6 ตุลาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยแพทย์หญิงอัมพร เบญพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ร่วมตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดการติดเชื้อโควิดในช่วงการระบาดระลอกที่ผ่านมา เดือนเมษายน-สิงหาคม 2564 มีเด็กที่ติดเชื้อสะสม 114,039 ราย และยังพบผลกระทบจากการปิดโรงเรียนและการเรียนออนไลน์ พบปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ ทักษะสังคม และเสียโอกาสในการเรียนรู้เป็นอย่างมากจากการที่ไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติ ประกอบกับกลุ่มวัยผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้รับวัคซีนครอบคลุมค่อนข้างกว้างขวางตามเป้าหมายที่กระทรวงตั้งไว้

ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มนักเรียน โดยเริ่มต้นในกลุ่มอายุ 15-18 ปีเป็นหลักก่อน เนื่องจากผลการศึกษาวัคซีนในเด็กยังมีน้อยกว่าในผู้ใหญ่ จึงต้องติดตามผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกหลานของเราทุกคน และนำไปสู่การกลับไปใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงปกติ คือสามารถไปโรงเรียน เรียนรู้ได้สมวัย และแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว ทุกคนในโรงเรียนทั้งครู เจ้าหน้าที่ ผู้ปกครอง และตัวเด็กเองยังต้องระมัดระวังป้องกันตนเองขั้นสูงสุด เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในโรงเรียน

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตเด็กทุกช่วงวัย โดยผลการสำรวจ Mental Health Check-in ข้อมูลสะสม ณ วันที่ 19-25 กันยายน 2564 โดยผู้ตอบแบบประเมิน 2,045 ราย พบเด็กมีความเครียดสูงถึงร้อยละ 29.29 ภาวะหมดไฟในการเรียนร้อยละ 16.67 สูงกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 3 เท่า บางรายมีการเรียนรู้ถดถอย ปัญหาด้านอารมณ์จิตใจส่วนใหญ่เกิดจากการที่ไม่ได้ไปเรียนหรือมีสังคมปกติตามวัย พบภาวะติดเกม ติดโทรศัพท์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

รวมถึงการระบาดในระลอกที่ผ่านมา พบการติดเชื้อของเด็กจากสมาชิกในครอบครัว จึงจำเป็นต้องพิจารณาเร่งการฉีดวัคซีนในภาวะฉุกเฉินในกลุ่มเด็กวัยรุ่น ซึ่งอาจสร้างความไม่สบายใจกับเด็ก ผู้ปกครองและครู การสื่อสารทำความเข้าใจข้อมูลวัคซีนและความเสี่ยง รวมทั้งการเปิดพื้นที่ให้ผู้ปกครองและเด็กมีส่วนร่วมในการตัดสินใจจึงมีความสำคัญอย่างมาก เด็กควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะเลือกรับวัคซีนหรือไม่ หลังจากได้รับข้อมูลรอบด้าน โดยคำนึงถึงประโยชน์และผลข้างเคียง หากเด็กมีความกังวลหรือกลัวการฉีด ควรเปิดโอกาสให้เด็กสามารถรอ และเลือกรับวัคซีนเมื่อพร้อม

ประเด็นสำคัญคือ เราต้องไม่นำประเด็นวัคซีนมาเป็นการตีตราหรือล้อเลียนกัน (bully) ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ตัดสินใจไม่ฉีดหรือเลือกฉีดวัคซีนชนิดต่างกัน ไม่ควรเป็นประเด็นกีดกันไม่ให้เด็กได้รับการศึกษาตามที่ควรจะเป็น ในกรณีที่เด็กๆ มีปัญหาความกังวลใจหรือความเครียด สามารถขอรับการปรึกษาทางช่องทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือ fb: 1323 ปรึกษาสุขภาพจิตได้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า