คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมเรียกนักศึกษาแพทย์เข้าสอบสวนข้อเท็จจริง วันจันทร์ที่ 11 ก.ย. นี้ หลังปรากฎข่าวกระหึ่มโซเซียลว่า วางยาสุนัขระหว่างขนส่ง เพื่อหวังเอาเงินประกัน
กรณีนักศึกษาสัตวแพทย์ซื้อสุนัขปอม หรือ “น้องซีซาร์” อายุ 7 เดือน เพื่อหวังจัดส่งไปที่บ้านในจ.โคราชรายนี้ ถูกเปิดโปงถึงพฤติกรรม หลังพบว่า มีพิรุธอย่างมาก เพราะเริ่มตั้งแต่การจัดซื้อที่ราคาเพียง 7,500 บาท แต่โอนเงินให้ฟาร์มถึง 40,000 บาท ก่อนให้ฟาร์มโอนเงินคืน โดยก่อนที่จะจัดส่งได้นำสุนัขไปตรวจสุขภาพ เพื่อให้โรงพยาบาลสัตว์ยืนยันว่า สามารถเดินทางได้ ก่อนร่วมเดินทางด้วย แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่มีการซื้อประกันชีวิตน้องหมาไว้สูงสุด คือ 50,000 บาท ก่อนถึงจุดหมายได้ขอแวะปั๊มและหลายไปประมาณ 20 นาที ก่อนกลับมาขึ้นรถ อ้างว่าไปป้อนยาหมา เพราะเหมือนมีอาการเมารถ กระทั่งหมาแน่นิ่ง ก็โวยวายว่า การจัดส่งครั้งนี้ ทำให้หมาช๊อก แต่ผู้ขับรถขนส่งที่พบพิรุธจะต้องการให้พิสูจน์ โดยนำไปผ่าที่โรงพยาบาลสัตว์ จนปรากฎข่าวกระหึ่ม หลังพบยาความดันของคนจำนวนมากที่อยู่ในท้องหมาที่กินเข้าไป
ล่าสุด พบว่ากรณีนี้ เคยเกิดขึ้นแล้วที่โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้น ใน จ.นครราชสีมา มาแล้ว โดยเป็นพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน และเป็นนักศึกษาคนเดียวกันด้วย โดย นางเครือวรรณ รักษาทรัพย์ เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ ระบุว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 31 กรกฎาคม ลูกค้านี้ ได้ว่าจ้างบริษัทรถขนส่งสัตว์เพื่อนำสุนัข มาฝากให้ทางโรงพยาบาลสัตว์ให้ดูแล ก่อนขอตัวออกไปทำธุระ ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง สังเกตเห็นว่าสุนัขเริ่มซึมและเสียชีวิต จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้ง ก่อนที่นักษาศึกษารายนี้จะเดินทางมากับบริษัทขนส่ง เพื่อเรียกร้องเงินประกัน แต่บริษัทปฏิเสธเพราะหมาถึงที่หมายแล้ว ขณะนี้ โรงพยาบาลก็ปฏิเสธเช่นกัน
ในรายนี้ เจ้าของสุนัขไม่สามารถเรียกร้องเพื่อขอให้ใครรับความผิดได้ จนกระทั่ง มาเกิดกับสุนัขตัวล่าสุดนี้
ด้านนายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่ายอมรับว่า นักศึกษาแพทย์ที่ถูกอ้างในโซเซียลว่านำสุนัขไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง และมีการวางยาสุนัขตายนั้น เป็นนักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ข้อมูลที่ได้ในเวลานี้ คือ นักศึกษาคนดังกล่าวนำสุนัขขึ้นไปเพื่อที่จะไปเลี้ยงที่บ้าน ระหว่างทางกลัวว่าสุนัขเมารถจึงให้ยาระหว่างทาง แต่คาดว่าให้ยาเกินขนาดสุนัขจึงตาย แต่ยังเป็นข้อมูลเบื้องต้น
ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัย จะคุยกับนักศึกษาอย่างเป็นทางการ ในวันจันทร์ที่ 11 ก.ย. ซึ่งเด็กจะกลับมาถึง และหากได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการซึ่งทางคณบดีจะเป็นผู้สอบถามเอง เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และละเอียดอ่อน
ขอขอบคุณภาพข่าวบางส่วนจากเฟซบุ๊ก : Jakkarin Riangngoen // WATCHDOG THAILAND