คดีการเสียชีวิตของลูกจ้างสาววัย 17 ปี ชาวเมียนมาร์ ที่ครอบครัวสงสัยว่าอาจเป็นการฆาตกรรมอำพราง ซึ่งทีมข่าวของเราเกาะติดรายงานคดีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่และครอบครัวผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปขุดศพจากสุสานใน อ.สวนผึ้ง เพื่อนำไปตรวจชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด ล่าสุด ผลตรวจเบื้องต้นออกมาแล้ว ซึ่งพบว่าขัดแย้งกับผลตรวจของแพทย์โรงพยาบาลบ้านโป่ง ที่ออกมาก่อนหน้านี้
คดีการเสียชีวิตของ น.ส.หวาน ปาเปียว อายุ 17 ปี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม หลังครอบครัวเข้าร้องเรียนต่อตำรวจกองปราบปราม เนื่องจากไม่เชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย จนนำไปสู่การรื้อคดีขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นที่ครอบครัวตั้งข้อสํงเกตุ และขุดศพของน.ส.หวาน จากสุสาน อ.สวนผึ้ง ไปตรวจชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยกับทีมข่าวไบรท์นิวส์ ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้น ผลการชันสูตรพลิกศพ น.ส.หวาน แล้ว
ผลการตรวจของแพทย์ จากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า รูกระสุนเข้าที่กระโหลกศีรษะ ทิศทางจากซ้ายไปขวา สวนทางกับที่แพทย์โรงพยาบาลบ้านโป่ง ระบุผลการตรวจไว้ก่อนหน้านี้ ว่าเสียชีวิตจากกระสุนปืนลูกโดดยิงผ่านสมอง ทิศทางจากขวาไปซ้าย
ทำให้หลังจากนี้ จะต้องมีการส่งวิเคราะห์วิถีกระสุนใหม่ เนื่องจากการจำลองวิถีกระสุนก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้จำลอง ไปตามผลการชันสูตรของแพทย์ที่ตรวจครั้งแรก และได้สั่งการให้มีการ เรียกสอบปากคำ แพทย์ ของทั้งโรงพยาบาลบ้านโป่ง และโรงพยาบาลตำรวจ ที่เป็นผู้ตรวจชันสูตรพลิกศพนางสาวหวาน
ส่วนผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ บาดเเผลอื่นๆ รวมทั้งมีร่องรอยกระทำชำเราหรือไม่นั้น ต้องรอประมาณ 1 เดือน จึงจะทราบผล
คดีนี้เกิดขึ้นวันที่ 6 สิงหาคม หลังลูกจ้างสาวถูกพบเสียชีวิตมีเงื่อนงำในบ้านนายจ้าง
ประเด็นที่ครอบครัวติดใจ คือผู้เสียชีวิตถนัดมือซ้ายมาตั้งแต่เด็ก แต่บาดแผลที่พบ กลับถูกยิงจากทางด้านขวา
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จำลองวิถีแนวกระสุนในที่เกิดเหตุและจำลองท่าทางการยิงของผู้เสียชีวิต เปรียบเทียบกับสภาพศพในที่เกิดเหตุ
มีสมมติฐานได้ว่าผู้เสียชีวิตน่าจะใช้มือขวาจับปืน และใช้มือซ้ายประคอง เอี้ยวตัว ก่อนจะเหนี่ยวไกปืนด้วยนิ้วโป้งซ้ายที่ถนัด
ส่วนการพบปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก ผิดปกติของคนที่จะฆ่าตัวตาย ที่จะยิงปืนถึง 2 นัด และมีกระสุนทะลุผ่านศีรษะเป็นเพียงนัดเดียว เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่ากระสุนนัดแรกน่าจะเกิดจากที่ผู้ตายยิงปืนไม่เป็น เมื่อเหนียวไกในนัดแรก จึงพลาด หรือเป็นการทดลองยิง
ขณะที่ผลตรวจสอบเขม่าดินปืนที่มือและร่างกายของบุคคลต่างๆภายในบ้าน พบเขม่าที่มือของผู้ตายเพียงแค่คนเดียว โดยมีเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แต่จุดที่มีเขม่ามากที่สุด คือหลังมือด้านซ้าย
ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10 นาฬิกา นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พร้อมตัวแทนสถานฑูตเมียนมาร์ จะพาครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ชัดเจน และหามูลเหตุจูงใจว่าเป็นการฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรม
เพราะแม้ผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ 2 ครั้ง จะออกมาไม่ตรงกัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปชี้ชัดได้ว่า การเสียชีวิตของนางสาวหวาน เป็นจากการฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรมอำพราง