ชุดสืบ สภ.พระประแดง เชิญตัวคนขับรถทัวร์มาสอบปากคำหลังรับ “ไอ้พูล้า” ฆาตกรโหดฆ่าปาดคอ 2 ยายหลาน ขึ้นรถทัวร์และพาเอาสร้อยคอทองคำผู้ตายไปจำนำ ขณะที่ผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่หลบสื่อมวลชนไปฝากขังที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ จากเดิมที่ สภ.พระประแดง
จากกรณี นายพูล้า อายุ 22 ปี สัญชาติลาว คนร้ายฆ่าปาดคอชิงทรัพย์ ยาย-หลาน ในบ้านพักที่เปิดเป็นร้านขายของชำ เลขที่ 30/6 ม.6 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ต่อมา ตม.มุกดาหาร จับตัวได้ ต่อมา ร.ต.อ.มานิตย์ นวมเฟื้อง รอง สว.สส.สภ.พระประแดงพร้อมชุดสืบสวนได้ไปรับตัว นายพูล้า ผู้ต้องหา จาก ตม.มุกดาหาร และควบคุมตัวมาที่ จ.ยโสธร ที่ผู้ต้องหานำสร้อยคอทองคำของผู้ตายน้ำหนัก 50 สตางค์ ไปจำนำที่ร้านทอง แต่เมื่อไปถึงกลับบอกว่าไม่ใช่และอ้างว่าสับสน แต่เป็นร้านทองที่ในตลาด อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จึงนำตัวไปที่ร้านทองดังกล่าว โดยทางร้านทองยอมรับว่าทางผู้ต้องหานำสร้อยคอทองคำมาจำนำจริง ในราคา 7,500 บาท เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวเจ้าของร้านไปสอบปากคำ ที่ สภ.สุวรรณภูมิ และก่อนนำตัว มาสอบสวนต่อที่ สภ.พระประแดง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่เดินทางไปรับตัว นายพูล้า ได้เปลี่ยนแผนนำตัว นายพูล้า มาฝากขังไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ แทนเนื่องจากหากนำไปควบคุมตัวที่ สภ.พระประแดง พื้นที่เกิดเหตุ อาจเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายเพราะเย็นวานนี้ (17 ก.ย.) มีชาวบ้านและญาติของผู้ตายหลายสิบคนยืนรอที่หน้าโรงพัก สภ.พระประแดง เพื่อรอดูหน้าคนร้ายเกรงว่าอาจถูกรุมประชาทัณฑ์ได้ ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการทำแผนหรือไม่
สำหรับเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (17 ก.ย.61) พ.ต.ท.ธงชัย สมาน สารวัตรสืบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ไปรับตัว นายพูล้า เพื่อควบคุมตัวกลับไปดำเนินคดีที่ สภ.พระประแดง ระหว่างทางได้ประสานกับ พ.ต.ท.ปัตตะพงษ์ พัฒนิบูลย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อนำตัวนายพูหล้าไปชี้จุดที่นำสร้อยคอทองคำที่ได้มาไปขายก่อนขึ้นรถโดยสารหลบหนีไป จ.มุกดาหาร
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา นายพูล้า ขึ้นรถโดยสารปรับอากาศจากสถานีขนส่งหมอชิต ไปลงที่สถานีขนส่ง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน จากนั้นได้ให้คนขับรถโดยสารเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างให้พา นายพูล้า นำสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ ไปขายที่ห้างทองทรัพย์มงคล 39 ม.2 ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ได้เงินมา 7,500 บาท จึงให้ค่าตอบแทนคนขับรถทัวร์โดยสาร 300 บาท ให้จักรยานยนต์รับจ้าง 100 บาท ก่อนจะขึ้นรถทัวร์โดยสารสายนครราชสีมา-มุกดาหาร เดินทางต่อไปยัง จ.มุกดาหาร จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา ซึ่งทางร้านทองทรัพย์มงคล 39 ได้มอบสร้อยคอทองคำที่รับซื้อไว้จาก นายพูล้าให้กับ พ.ต.ท.ธงชัย สมาน สารวัตรสืบสวน สภ.พระประแดง นำกลับไปเป็นของกลางประกอบการดำเนินคดีต่อไป
ส่วนรถโดยสารปรับอากาศคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.พระประแดง ได้ติดตามไปเชิญตัว นายสมัย สิงห์ไธสง อายุ 48 ปี ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ คนขับรถทัวร์ บ.สหพันธ์ทัวร์ วิ่งระหว่าง กทม. – สุวรรณภูมิ และ นายแสวง วารีสีอ ชาว อ.นาโพธิ์จ.บุรีรัมย์ คนขับรถทัวร์ มือ 2 มาสอบปากคำ หลังรับ นายพูล้า ขึ้นรถทัวร์ไปลงที่ อ.สุวรรณภูมิ
สอบถาม นายสมัย สิงห์ไธสง คนขับรถทัวร์เล่าว่า ได้รับผู้ต้องหา (นายพูล้า) ไปจากนอกท่ารถหมอชิตเพื่อไปลงที่สุวรรณภูมิ ก่อนขึ้นรถได้ถามว่าจะไปไหน ผู้ต้องหาบอกว่าจะกลับบ้านที่มุกดาหาร จึงรับขึ้นรถไปโดยไม่รู้ว่าเป็นผู้ต้องหา เมื่อไปถึงสุวรรณภูมิผู้ต้องหาไม่มีเงินค่าโดยสารให้มีแต่สร้อยคอทองคำ ตนจึงพาไปจำนำไว้ที่ในตลาด อ.สุวรรณภูมิ ในราคา 7,500 บาท และให้ค่าโดยสารตนมา 1,000 บาท และตนได้พาไปส่งที่ท่ารถเพื่อต่อรถไปมุกดาหาร ส่วน นายแสวง วารีสีอ กล่าวว่า ตนเป็นคนขับรถมือ 2 ตอนที่รับผู้ต้องหาขึ้นมาตนไม่เห็นเพราะนอนเอาแรงเพื่อรอเปลี่ยนขับรถจาก จ.นครราชสีมา ไป อ.สุวรรณภูมิ มาเห็นตอนที่เปลี่ยนขับรถที่ จ.นครราชสีมา โดยไม่รู้ว่าเป็นผู้ต้องหา คิดว่าเป็นผู้โดยสาร แต่รถวิ่งถึงด่าน ผู้ต้องหามีอาการตกใจ หวาดกลัวเหมือนกัน แต่ตนไม่ได้สนใจอะไร ขับรถไปจนถึงที่หมาย ทั้งนี้ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนขับรถทัวร์ทั้ง 2 คนมาสอบปากคำ เพื่อพิสูจน์ทราบเพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดีต่อไป
