ผบก.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด พบหลักฐานเพิ่มเป็นปลอกกระสุนขนาด 11 มม. อีกจำนวน 5 ปลอก และขนาด .357 จำนวน 1 ปลอก จากเหตุเครือญาตินามสกุลเดียวกัน ยิงกันตาย 3 ศพ เจ็บสาหัส 1 ราย เตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้อง อีก 1-2 คน
จากกรณี ญาติพี่น้อง ตระกูล “นามบุศย์” ก่อเหตุดวลปืนกันเอง จนมีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ทราบชื่อรายแรก นายสมยศ นามบุศย์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.1 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี นอนเสียชีวิต อยู่หลังรถจักรยายนต์บิ๊กไบค์ สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รายที่ 2 นาย อัจฉริยะ นามบุศย์ (ลูกชายนายสมยศ ) อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.1 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ ทะเบียน ขยก 32 สุราษฎร์ธานี ห่างออกไป 30 เมตร เป็นทางเข้าสวนปาล์ม พบศพ รายที่ 3 นายสันต์ นามบุศย์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.1 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายศักดิ์สิทธิ์ หรือนายอิสระพงศ์ นามบุศย์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.1 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เป็น (ลูกชายนายสมยศอีกคน) เจ้าหน้าที่เร่งนำส่ง รพ.สุราษฎร์ธานี โดยในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด .357 มม.และขนาด 11 ม. ตกอยู่จำนวน 9 ปลอก และอาวุธปืนขนาด .357 และ ขนาด 11 มม.
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่ บริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จากการตรวจสอบ พบหลักฐานเพิ่ม เป็นปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ใต้โคนต้นปาล์ม อีกจำนวน 5 ปลอก และปลอกกระสุน ขนาด .357 จำนวน 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โดย พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ คดีมีความคืบหน้าไปมาก และจากที่เจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ ทราบว่ายังมีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และอยู่ระหว่าง รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับ บุคคลที่เกี่ยวข้อง เพิ่มอีก 1-2 คน และจะได้สอบปากคำ นายศักดิ์สิทธิ์ หรืออิสระพงศ์ นามบุศย์ อายุ 28 ปี (บุตรชายนายสมยศ) ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังให้การไม่ได้ และหากการสอบสวนพบว่ามีผู้ร่วมกระทำผิด ก็จะนำตัวมาดำเนินคดีทุกราย ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมของทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป