โฆษกตำรวจระบุ มีขบวนการทำลายหลักฐานรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียนคดีครูจอมทรัพย์
พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รอง ผบ.ตร. และโฆษก ตร. ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.60 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 4 และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดยโสธร
ได้เรียกให้ นายประพัฒน์ แสนเมืองโคตร อายุ 44 ปี อาศัยอยู่กับภรรยาที่ จ.ยโสธร คนรับซื้อรถจากครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู ให้นำรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บค 56 สกลนคร เข้าตรวจยืนยันว่าพยานหลักฐานเดิมของรถที่เคยตรวจสอบตั้งแต่ปี 2548 ยังอยู่ครบหรือไม่
โฆษก ตร. ได้นำภาพถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนเมื่อปี พ.ศ.2548 มาเปรียบเทียบกับแผ่นป้ายทะเบียนที่นำไปตรวจสอบเพื่อยื่นคำร้องขอรื้อคดีใหม่ และเปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญยืนวันว่าภาพแผ่นป้ายทะเบียนทั้งสองภาพนั้นไม่เหมือนกัน
เนื่องจากร่องรอยต่างๆ ที่ปรากฎอยู่บนแผ่นป้ายทะเบียนผิดเพี้ยนไปไม่เหมือนเดิม เช่นรอยรูน๊อตมีรูปร่างเปลี่ยนไป รอยถลอกกลางแผ่นป้ายหายไป รอยถลอกสีขาวบนตัวอักษรสีดำ กลับกลายเป็นสีดำที่สมบูรณ์เหมือนใหม่ ไม่ตรงกับภาพถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนเดิมที่เคยถูกตรวจสอบเมื่อปี 2548 เป็นไปได้ว่าอาจมีการทำขึ้นใหม่ หรือมีการตกแต่งดัดแปลงให้มีสภาพแตกต่างไปจากเดิม
ส่วนฝากระโปรงรถที่ บ.โตโยต้า มอเตอร์ ตรวจสอบและยืนยันว่าไม่เคยมีการทำสีมาก่อนนั้น พบว่าการตรวจสอบดังกล่าว เป็นการสุ่มตรวจพื้นที่บนฝากระโปรงรถเพียง 10 จุดบริเวณกลางฝากระโปรง แต่ไม่ได้ตรวจสอบบริเวณขอบฝากระโปรง
ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการเฉี่ยวชน และรอยถลอกเป็นทางยาวบนตัวถังด้านข้างของรถ ซึ่งอ้างว่าเพิ่งขับไปครูดกับลวดหนามนั้น ทางวิทยาการพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่าเป็นรอยใหม่ คนละรอยกันกับรอยที่เฉี่ยวชนรถจักรยานของนายเหลือ
ซึ่งรอยเดิมเกิดเป็นสนิมขึ้นมาแล้ว แต่รอยจากลวดหนามยังไม่เป็นสนิมแต่อย่างใด จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีการสับเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนหรือตกแต่งดัดแปลงให้เหมือนใหม่
แต่ยืนยันว่ามีสภาพแตกต่างจากแผ่นป้ายทะเบียนเดิมอย่างชัดเจน
นอกจากนั้น พล.ต.อ.วิระชัยฯ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า นายประพัฒน์ได้ให้ปากคำว่า มีคนติดต่อมาขอซื้อแผ่นป้ายทะเบียนอันที่เกิดเหตุกับตน แต่ตนไม่ตกลงขายให้
ต่อมาบุคคลเดิมได้ติดต่อมาหาตนอีกเพื่อขอซื้อรถกระบะคันเกิดเหตุ อ้างว่าจะนำไปดัดแปลงเป็นรถขายกาแฟ โดยเสนอราคาให้สูงกว่าราคาตลาด แต่ตนปฏิเสธไม่ขายให้ เพราะกลัวจะมีส่วนพัวพันกับขบวนการปลอมแปลงหลักฐาน