ฝ่ายปกครองสงขลา บุกค้นสถานบันเทิงชื่อดัง ชายแดนไทย – มาเลเซีย ล๊อคตัวนักท่องเที่ยวกว่า 400 คน ตรวจปัสสวะ หลังเจอยาเสพติดเกือบทุกชนิด ถูกทิ้งเกลื่อน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา กว่า 50 นาย ปฏิบัติการจู่โจมเข้าตรวจค้นดิสโก้เทค
”นิวเลิฟมี” ซึ่งตั้งอยู่ชั้นล่างของโรงแรมเหอเจีย แกรนด์โฮเต็ล สถานบันเทิงชื่อดังชายแดนไทยมาเลเซีย บ้านด่านนอก เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนมีการจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยว
ซึ่งการตรวจค้น พบนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียเต็มและอัดแน่นอยู่ในสถานบันเทิงแห่งนี้ซึ่งมี2 ชั้นและมีห้องวีไอพีอีก2 แห่ง ทันทีที่รู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นนักท่องเที่ยวต่างพยายามหนีออกมาด้านนอกทั้งประตูลับและประตูด้านหน้ามีการดันกับเจ้าหน้าที่และสามารถออกไปได้กว่า1 ร้อยค้น แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถกักตัวเอาไว้ได้กว่า 400 ค้น และจากการตรวจค้นภายในสถานบันเทิงแห่งนี้พบยาเสพติดหลายชนิดถูกนักท่องเที่ยวแอบทิ้งไว้เกลื่อนทั้งใต้โต๊ะในถังขยะ ในซอกโซฟา และในห้องน้ำ ประกอบด้วย ยาไอซ์ 40 ถุง ยาเค 50 ถุง ยาอี แอมเฟตมีนหรือยากล่อมประสาทและกัญชาที่ผสมในมวลบุหรี่อีกจำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ปิดล๊อคประตูทั้งหมดเอาไว้ เพื่อคัดแยกนักท่องเที่ยวทุกคนอย่างละเอียดใช้เวลาตั้งแต่ประมาณตี1จนถึงเกือบ ตี5
ซึ่งพบนักท่องเที่ยวมีปัสสวะสีม่วงทั้งหมด 40 คน เป็นชาย9 คนส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย ผู้หญิงอีก 31 คน มีทั้งชาวเมียนมาและชาวจีนฮ่อแต่มีหนังสือเดินทางถูกต้อง ในจำนวนนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 1 คน และควบคุมตัว นายแสงทอง นวลขนาย อายุ 40 ปีซึ่งเป็นผู้ดูแลไปสอบสวนอีก1คน ได้ควบคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปทำบันทึกที่ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดาก่อนที่จะส่งตัวดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด
ด้านนายณรงค์พร ณ พัทลุง ปลัดจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสถานบันเทิงแห่งนี้พบว่าเปิดมานานและไม่มีใบอนุญาตที่สำคัญได้รับการร้องเรียนมาตลอดว่ามีการขายยาเสพติดและเสพยากันในสถานบันเทิงแห่งนี้แบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย จึงได้วางแผนเข้าจับกุมและมีคำสั่งให้ปิดสถานบันเทิงแห่งนี้เป็นเวลา 5 ปี และหลังจากนี้จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีผลประโยชน์หรือไม่เนื่องจากเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาตและขายยาเสพติดแบบไม่เกรงกลัวกฏหมาย รวมทั้งจะเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าของและผู้ที่เป็นหุ้นส่วนซึ่งทราบว่ามีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นร่วมด้วยมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง