จากกรณีคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ฐานประวิงคดีจนทำให้คดีขาดอายุความไปแล้วถึง 4 ข้อหา จากทั้งหมด 5 ข้อหา ล่าสุด เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช. พิจารณาความผิดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และข้าราชการที่เกี่ยวข้องในคดี
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาโทษข้าราชการระดับสูงที่สงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส หมดอายุความไปถึง 4 ข้อหาแล้ว โดยในเอกสารที่ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช ให้พิจารณา ความผิดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือกระทำการอันเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ต้องหาจนคดีขาดอายุความ และไม่ให้ถูกดำเนินคดีในข้อหา ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้อื่นและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือ ข้อหาชนแล้วหนี ที่เพิ่งขาดอายุความไปเมื่อวานนี้ รวมทั้งข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งคดีขาดอายุความในปี 56 และไม่ฟ้องในข้อหา ขับรถในขณะเมาสุรา
สำหรับรายชื่อผู้ถูกร้อง มีตั้งแต่ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล / นายเศกสรรค์ บางสมบูรณ์ อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ / นายสุพล ยุติธาดา อดีตอัยการอาวุโส / และนายฤาชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ในฐานะเจ้าของสำนวนคดีทายาทกระทิงแดง พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ด้านผู้แทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า เอกสารการร้องขอพิจารณาฉบับนี้จะเป็นการยื่นสมทบในการพิจารณา เพราะ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะกรรมการไต่ส่วนข้อเท็จจริงอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งได้พิจารณาความผิดตำรวจ สน.ทองหล่อ จำนวน 5 นาย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนการพิจารณาความผิดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดนั้น ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวบรวมข้อมูลเพื่อพิจารณาต่อไป
ขณะนี้ นายวรยุทธ ยังคงหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ แม้ว่าจะประสานตำรวจสากลออกหมายแดงไปหลายประเทศแล้วก็ตาม ส่วนความผิดในข้อหาหลักคือ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ที่ยังเหลือเป็นข้อหาสุดท้าย ก็จะหมดอายุความอีกประมาณ 10 ปี ในวันที่ 3 กันยายน 2570