พบเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์สำหรับการซื้อขายกุ้งเครฟิช เมื่อเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพ เจ้าของบัตรอาจเดือดร้อนหนัก เหมือนกับ 2 หนุ่มชาว จ.เพชรบูรณ์ ก็เป็นได้
2 หนุ่มจาก อ.วิเชียรบุรี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิเชียรบุรี ให้ช่วยติดตามจับกุมมิจฉาชีพที่นำเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ไปสร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อหลอกขาย “กุ้งเครฟิช” ในโลกโซเชียล โดยมีเหยื่อหลงเชื่อสูญเงินไปแล้วหลายราย โดยวันนี้ (21 ก.พ.60) นายพิสุทธิ์ หลีแก้วสาย อายุ 36 ปี พนักงาน รพ.วิเชียรบุรี และ นายศุภชัย โบขุนทด อายุ 34 ปี ทำงานราชการในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งใน อ.วิเชียรบุรี เช่นกัน โดยทั้ง 2 นอกจากจะตกเป็นเหยื่อแล้วยังโดนคดีฉ้อโกง ที่ผู้เสียหายแจ้งความเอาไว้ตาม สภ. ต่าง ๆ
ส่วนวิธีการที่มิจฉาชีพลงมือคือ การเข้าไปขโมยเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ที่พวกตนต้องส่งเข้าไปยืนยันตัวตนในตลาดวงการขายพระเครื่องทางโลกออนไลน์เว็บไซต์หนึ่งของ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนตามมาอย่างหนักต่อบุคคลทั้ง 2 เพราะมิจฉาชีพได้นำเอกสารที่ได้ไปสร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อหลอกขายสินค้าในโลกออนไลน์และขายกุ้งเครฟิชพันธุ์สวยงาม ทั้งที่ นายพิสุทธิ์ และ นายศุภชัย ไม่เคยซื้อ-ขาย ยุ่งเกี่ยว หรือเลี้ยงกุ้งเครฟิชมาก่อน แต่ที่เรื่องเกิดแดงขึ้นมาเพราะผู้เสียหายที่หลงเชื่อโอนเงินในการซื้อของ มีการแกะรอยจากชื่อที่อยู่ของตนเองตามที่อยู่บัตรประจำตัวประชาชน และติดต่อมาหา โดยเหยื่อที่สูญเงินล้วนเป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งตนเองก็ได้ปฏิเสธไป เพราะไม่รู้เรื่องในการซื้อ-ขาย หรือโอนเงิน แต่เอกสารบัตรประชาชนที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก คือ สิ่งที่มิจฉาชีพนำไปใช้ในขั้นตอนอื่น ๆ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยการแสดงเอกสารบัตรประจำตัวยืนยันกับเหยื่อที่หลงเชื่อ เพื่อให้โอนเงินเข้าระบบ “ทรู วอลเล็ต” (True Wallet) โดยใช้ชื่อและเอกสารของ นายพิสุทธิ์ และ นายศุภชัย เปิดบัญชี แล้วทำการย้ายเงินเหยื่อออกไป ยังบัญชีของมิจฉาชีพอีกครั้ง เช่น นายพิสุทธิ์ หลีแก้วสาย ถูกเปิดเบอร์โทรศัพท์รายเดือนของระบบทรู (True) ไว้หลายเบอร์แล้วไม่ยอมชำระทำให้ตนเองติดแบล็คลิสต์กับทางบริษัทฯ รวมไปถึงถูกประกาศเป็นบุคคลฉ้อโกง ทำให้การทำธุระกรรมต่าง ๆ มีปัญหา ส่วนที่ทั้ง 2 เข้ามาแจ้งความเพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายรวมถึงเพื่อนร่วมขบวนการมาดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าในอนาคตจะมีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้กับมิจฉาชีพอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่จะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับตนเองอย่างแน่นอน
ทางด้าน นายศุภชัย โบขุนทด เจอหนัก เพราะมีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วหลายราย มิหนำซ้ำบางรายมีการแจ้งความดำเนินคดีกับตนในข้อหาฉ้อโกงมาแล้ว ทุกวันนี้ตนเองจะทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การซื้อรถยนต์ ยังทำไม่ได้เลย เพราะรายชื่อติดแบล็คลิสต์ โดยแค่พิมพ์ ชื่อ-นามสกุล ลงในกูเกิล (Google) ชื่อตนก็โผล่แล้ว ทุกวันนี้ทั้ง 2 คน ได้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและกำลังตกเป็นผู้ต้องหา จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะ True ที่ควรเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีโอกาสติดตามจับตัวมิจฉาชีพ ก่อนที่ภัยสังคมรายนี้หรือแก๊งนี้จะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครอีก