เกิดเหตุระทึกขวัญเมื่อมีการท้าดวลปืนกลางเมืองตรัง โดยชายวัย 54 ปีปรี่เข้าห้ามแต่กลับถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายแล้ว
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยคลิปนาทีระทึกท้าดวลปืนหน้าบ้านเลขที่ 148-148/1 ถ.ราชดำเนิน ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เขตเทศบาลนครตรัง เมื่อคืนวันที่ 12 มี.ค.60 เวลาประมาณ 22.20 น. กระสุนถูก นายสุรินทร์ หอมพรม อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 143/27 ม.8 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บแขนซ้ายรวม 2 นัด ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง อาการปลอดภัยแล้ว
ทั้งนี้ ภาพจากคลิปวงจรปิดดังกล่าวเผยชาย 2 คนใส่เสื้อยีนส์กับเสื้อดำขับรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว มาจอดรถเพื่อซื้อเบียร์ดื่ม และมีชายอีก 2 คนอยู่บริเวณหน้าโรงแรมดังกล่าวก่อนแล้ว คือ ชายสวมเสื้อสีดำที่นั่งอยู่ริมฟุตบาท ส่วนชายสวมเสื้อสีขาวนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ (คือ นายสุรินทร์ หอมพรม) จากนั้นมีชายอีก 2 คนขี่ จยย. มาจอด คนขับสวมเสื้อสีขาวและชายคนซ้อนท้าย สวมเสื้อกล้ามสีขาว (คู่กรณีก่อเหตุ) มีอาการมึนเมาและได้พูดกวน ๆ ใส่ชายสวมเสื้อยีนส์ (คู่กรณีก่อเหตุ) จนทำให้ นายสุรินทร์ สวมเสื้อสีขาวลุกออกมาจากรถจักรยานยนต์เพื่อพูดและห้ามทั้งสองฝ่าย และเดินเข้าไปห้ามชายสวมเสื้อยีนส์ จนกระทั่งชายสวมเสื้อกล้ามสีขาวด่าทอใส่ชายสวมเสื้อยีนส์จนทนไม่ไหวจึงรีบเดินไปที่รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว ที่จอดอยู่ใกล้ ๆ
ขณะเดียวกัน นายสุรินทร์ ได้วิ่งตามไปห้ามปราม แต่ชายสวมเสื้อกล้ามสีขาวชักอาวุธปืนขึ้นมาโชว์พร้อมจะยิงใส่ทันที ทันใดนั้นชายสวมเสื้อยีนส์ไปเอาปืนในรถยนต์และวิ่งมาจะยิงใส่ ส่วน นายสุรินทร์ พยายามห้ามแต่ไม่เป็นผลจนทั้งสองฝ่ายยิงปืนใส่กันหลายนัด จนคนอื่น ๆ กระโดดหนีวิถีกระสุนอย่างอลหม่าน ส่วนชายสวมเสื้อกล้ามสีขาวหลังยิงใส่แล้ววิ่งหลบหนีเข้าซอยไป ขณะที่ชายสวมเสื้อยีนส์หลบกระสุนพร้อมไล่ยิงคู่กรณีอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตาม นายสุรินทร์ ซึ่งเป็นคนห้ามทั้งสองฝ่ายได้วิ่งหนีเอาชีวิตรอดเช่นกันแต่กลับโดนยิงบริเวณแขนซ้ายจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า นายสุรินทร์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนของใคร เนื่องจากไม่พบหัวกระสุนที่บาดแผลจึงไม่ทราบชนิดอาวุธปืน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและรู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายแล้ว โดยขณะนี้ได้รวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพนิ่ง คลิปวิดีโอของผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่าย ก่อนเร่งติดตามเพื่อนำตัวมาทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป