พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตำรวจ ขอเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอกรณี “หนุ่มแจ้งความ ถูกชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร. ขู่รับของโจร รีดเงิน 8 หมื่นบาท” ในพื้นที่ สภ.เมืองชุมพร จว.ชุมพร ว่า
ได้รับรายงานเพิ่มเติมจาก สภ.เมืองชุมพร ว่า จากการสืบสวนสอบสวนขณะนี้ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุทั้งหมดจำนวน 9ราย สามารถพิสูจน์ทราบได้แล้วจำนวน 5ราย ตำรวจท่องเที่ยว 1ราย ,เจ้าหน้าที่บริหารทางการเงิน (ไฟแนนซ์) 1ราย , นักข่าว 3ราย ในส่วนผู้ก่อเหตุอีก 4ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบว่าเป็นผู้ใด มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างไร
ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 5ราย ในข้อหา ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ตาม ป.อาญา ม.362 ประกอบม.80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ,ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ตาม ป.อาญา ม.337 ประกอบม.80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท และเป็นซ่องโจร ตาม ป.อาญา ม.210 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจในสังกัดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว โดยหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดไม่มีละเว้น ไม่มีการให้ความช่วยเหลือ ว่ากันไปตาม ข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่ปรากฎ
ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับและมีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537
หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด
ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอดไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี