สาว 17 ร่างกระเด็นออกจากเก๋งยาริส เสียชีวิตสยอง บริเวณกลางสะพานข้ามคลองพหลโยธินซอย 2 หลังเกิดเหตุ แท็กซี่ประสานงานเก๋ง กลางดึก บาดเจ็บ 5 ราย
12 ก.ย. 63 พันตำรวจโทอธิวัฒน์ อริชัยภูวพงศ์ สารวัตรปราบปราม สน.ดินแดง พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แพทย์นิติเวช ร.พ รามาธิบดีเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณกลางสะพานข้ามคลองพหลโยธินซอย 2 เขตพญาไท มุ่งหน้าทางลงถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก จุดเกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีดำ ทะเบียน 5 กพ 6419 กรุงเทพมหานคร สภาพหน้ารถพังเสียหาย ล้อหน้าขวาบิดเบี้ยว ประตูด้านคนขับพับยุบจนถึงประตูหลัง จอดอยู่ฝั่งขาออกมุ่งหน้า ถนนวิภาวดี ส่วนรถอีกคันอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร เป็นรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีฟ้า ทะเบียน ทษ 9197 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย โดยเฉพาะฝั่งคนขับ จอดอยู่ริมกำแพง มุ่งหน้า ถนนพหลโยธิน นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้หญิง ต่อมาทราบชื่อคือ นางสาวชัญญรัสย์ ปัจฉิมสวัสดิ์ อายุ 17 ปี มีบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณท้ายทอย มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก อาสาสมัครกู้ภัยจึงช่วยกัยปฐมพยาบาลเบื้องต้นแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 5 คน แบ่งเป็น คนขับรถแท็กซี่ คือนายจำนงค์ นพเก้า อายุ 55 ปี และผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยคือ นางสาวกุลอร อังศุภานิช อายุ 29 ปี นำส่งโรงพยาบาลเปาโลพหลโยธิน ส่วนคนที่นั่งมากับรถเก๋งสีได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย นายวีระชัย รอดเจริญ อายุ 19 ปี นางสาวรุ้งพราย พิมภิรมย์ อายุ 23 ปี นำส่งโรงพยาบาลเปาโลพหลโยธิน และไม่ทราบชื่อ 1 คน อาการสาหัสนำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎ ส่วนผู้เสียชีวิตนั่งมาในรถเก๋งสีดำ
นายอภิชัย ห้องศิลป์ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง ซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก บอกว่า พบผู้หมดสติ 2 คน ในรถเก๋ง โดย 1 คน บาดเจ็บสาหัส จึงเร่งส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที ส่วนที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อยจึงส่งไปตรวจดูอาการโรงพยาบาลใกล้เคียง ส่วนสภาพถนนมีน้ำมันเครื่องไหลออกมาจากตัวรถ และมีชิ้นส่วนรถกระจัดกระจายไปทั่ว จากการสอบถามผู้บาดเจ็บ ทราบแต่เพียงว่ารถเกิดการแหกโค้งก่อนจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ขณะที่พันตำรวจโทอธิวัฒน์ ระบุว่า หลังจากนี้ต้องรอตรวจสอบความชัดเจนทั้งจากสภาพที่เกิดเหตุ และคำให้การของผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งว่า รถคันใดเกิดแหกโค้งไปชนรถอีกคันจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ก่อนจะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดต่อไป
