เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านเสียชีวิตหน้ามัสยิดโคงนิบง ต.โคกนิบง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นถึง “อุสตาส” หรือครูผู้สอนในโรงเรียนอัตบียะห์อิสลามียะฮ์ อีกด้วย โดยในเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมด้วยกองพิสูจน์หลักฐาน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว
วันนี้ (1 ส.ค.61) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไม้แก่น พร้อมด้วยกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.ปัตตานี และทหาร ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุกรณีชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต บริเวณหน้ามัสยิดโคกนิบง ต.โคกนิบง อ.ไม้แก่น โดยพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้อง ทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุทั้งถ่ายภาพ ทำแผนที่เกิดเหตุและตรวจสอบรอยเลือดบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่ผู้ตายนั่งอยู่
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.61) ซึ่งชาวบ้านรายดังกล่าวถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลไม้แก่น แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว คือ นายอดุลย์ ซิมา อายุ 46 ปี ตำแหน่งครูสอนศาสนา หรือ “อุสตาส” ในโรงเรียนอัตบียะห์อิสลามียะฮ์ ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น เสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 ที่กกหูด้านซ้ายทะลุลงคอไปทางขวา สืบประวัติเบื้องต้น นายอดุลย์ เป็นครูสอนศาสนา หรือ “อุสตาส” ที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ชื่อ โรงเรียนอัตบียะห์อิสลามียะห์ และเป็นคอเต็บมัสยิดโคกนิบง อ.ไม้แก่น อยู่ในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนได้ความว่า หลังทำพิธีละหมาดเสร็จแล้ว นายอดุลย์ ก็แวะนั่งคุยกับเพื่อน ๆ ก่อนกลับบ้านที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนหน้ามัสยิด ช่วงเกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์จอดบนถนนหน้ามัสยิด คนร้ายรายหนึ่งใช้อาวุธปืนพกสั้น .38 เดินเข้าไปที่ห้องน้ำห่างจากผู้ตายประมาณ 5-6 เมตร เมื่อคนร้ายออกมาจากห้องน้ำก็เดินมาที่ นายอดุลย์ นั่งอยู่ ก่อนใช้อาวุธปืนยิงบริเวณศีรษะจำนวน 1 นัด แล้ววิ่งหลบหนีขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หลบหนีไป ซึ่งชาวบ้านนำตัว นายอดุล ส่งโรงพยาบาลไม้แก่นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ว่าสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องแนวร่วมที่สร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ติดประเด็นใด ๆ ทิ้งไป และรายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบแล้ว โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังได้กำชับให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น