เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ที่รัฐสภา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีพูดถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หากไม่สามารถดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจได้ ควรเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาทำแทนว่า สิ่งที่ตนพูดคืออยากให้เห็นว่า เวลามีปัญหาเศรษฐกิจประชาชนเข้าใจว่า ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการยุบสภา เพราะสภาไม่ได้มีปัญหายังทำงานได้ และนายกรัฐมนตรีก็ทำงานได้ดีมาโดยตลอด ทำให้ประเทศผ่านพ้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดี
“การยุบสภาไม่ใช่ทางออก จึงอยากเตือนให้ทีมเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนการทำงานเท่านั้น โดยเฉพาะเวลานี้ประชาชนสอบถามถึงแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจำนวนมากในช่วงวิกฤต เช่นเรื่องการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 ที่รัฐบาลให้ 3 เดือน ซึ่งเวลานี้หมดแล้ว แต่ประชาชนที่ตกงานได้รับผลกระทบยังมีอยู่มากและได้สอบถามมาที่พรรคและส.ส.ว่ารัฐบาลจะมีแนวคิดช่วยเหลือเยียวยาประชาชนอย่างไร จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจปรับการทำงานให้สอดคล้องกับภาวะวิกฤตและต้องคิดนอกกรอบ เพื่อช่วยปัญหาให้ประชาชน” นายชัยวุฒิ กล่าว
นายชัยวุฒิกล่าวว่า ม่มีเจตนาไปไล่ใคร เพียงแต่อยากให้ปรับปรุงการทำงาน เพราะทฤษฎีหรือแนวคิดบางอย่าง ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องปรับเปลี่ยน ยกตัวอย่างการจ่ายเงินเยียวยาในช่วงแรกที่แจกแล้วโดนด่า ส.ส.ถูกตำหนิ เพราะช่วงแรกได้รับไม่ทั่วถึง และตอนหลังนายกฯ ก็ปรับเปลี่ยนเพิ่มให้เกษตรกรได้รับเงินเยียวยาทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้น แสดงให้เห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายสมคิด แล้วหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “ยังไม่ได้พูดคุยกัน ผมไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับท่าน ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น พูดเพราะหวังดี อยากให้ทีมเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนการทำงาน ตอบสนองต่อปัญหาวิกฤตในขณะนี้ ที่เวลานี้เกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาเข้าสู่ฤดูฝนที่ต้องเริ่มเพาะปลูก แต่ยังได้รับความเดือดร้อนเงินลงทุนยังไม่มี เราก็ต้องช่วยเหลือเขา ต้องมีค่าเยียวยาให้เกษตรกรเป็นค่าใช้จ่าย ในการปลูกข้าว และอยากให้รัฐบาลเร่งทำเรื่องนี้ และยังมีอีกหลายเรื่องรวมทั้งการส่งออกที่ชะลอตัว โรงงานทยอยปิดกิจการ มีคนตกงานจำนวนมาก รัฐบาลต้องรีบเข้ามาแก้ไขก่อนที่การตกงานจะนำไปสู่ปัญหาสังคม อาจเกิดจลาจลเหมือนที่อเมริกาก็เป็นได้”
นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเรื่องดังกล่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บอกกับตนว่าไม่อยากให้พูดจารุนแรง เพราะเราก็อยู่ด้วยกันและต้องทำงานด้วยกัน ย้ำว่าตนไม่ได้เจตนาไปไล่หรือพูดจาอะไรไม่ดีกับนายสมคิด แต่หวังดีจริงๆ และสิ่งที่พูดก็เป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากประชาชน และคิดว่า นายสมคิดเข้าใจว่า ไม่ได้มีแอบแฝงเรื่องการเมืองและไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะวันนี้ปัญหาวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจใหญ่จริงๆ