ตลาดหุ้นไทย ยังต้องลุ้นหนัก ภาวการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงภาคบ่าย ดัชนีหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากภาคเช้า ซึ่งปรับตัวลดลงไป 90.19 จุด หรือคิดเป็น 8% เมื่อเวลา 15.25 น.มาอยู่ที่ 1,037.05 จุด และมีมูลค่าการซื้อรวม 46,196.86 ล้านบาท ต้องใช้มาตรการพักการซื้อขายหุ้นชั่วคราว หรือ เซอร์กิต เบรกเกอร์ ครั้งที่ 3 ในรอบ 3 สัปดาห์ โดยพักเป็นเวลา 30 นาที ตั้งแต่เวลา 15.25-15.55 น. โดยเป็นครั้งแรก สำหรับมาตรการพักการซื้อขายหุ้นชั่วคราว หรือ เซอร์กิต เบรกเกอร์ หลังจากมีการปรับเกณฑ์ใหม่ จาก 10% เหลือ 8% ก่อนที่ตลาดหุ้นจะปิดในรอบเย็นดัชนีลดลง102.49 จุด ลดลง 9.09 เปอร์เซ็น ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,495 ล้านบาท
สำหรับการปรับตัวลดลงครั้งนี้มาจากการขายหุ้นขนาดใหญ่ หลังจากรีบาวด์แรง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทย ซึ่งมีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกังวลว่าทางการไทยอาจยกระดับมาตรการเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่ได้ประกาศปิดเมืองไปแล้ว
แม้ว่าก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีประชุมนัดพิเศษปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 0.75% รวมถึงออกมาตรการเสริมสภาพคล่องตลาดตราสารหนี้ในหลายๆ ด้าน แต่นักลงทุนยังกังวลการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสหรัฐ ยุโรป รวมถึงไทยซึ่งเป็นตัวฉุดให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว
ด้าน นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระพัฒนสิน ระบุว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงปรับฐานจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก ที่สุ่มเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการค้านักท่องเที่ยว และในประเทศไทยก็มีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมเสียหาย ตลาดหุ้นไทยจึงเป็นภาพการพักตัวลงมาที่เซอร์กิตเบรกเกอร์ และเป็นช่วงตลาดหุ้นหาฐาน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งภายในภายนอกว่าทำได้ดีแค่ไหน คงต้องรอดู และมาตรการของธนาคารกลาง และนโยบายการคลังของประเทศต่างๆ สำหรับนักลงทุนให้รอซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในระยะกลางระยะยาว ระยะสั้นการเก็งกำไรข้ามวันในตลาดผันผวนจึงเหมาะ