บริษัท การบินไทย จำกัดมหาชน เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อย มีผลขาดทุนสุทธิ 4,680 ล้านบาท ขาดทุนสูงกว่าปีก่อน 994 ล้านบาท (27.0%) ซึ่งเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 4,682ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 2.14 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.44 บาทต่อหุ้น (25.9%)
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส3 ของปี 2562 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 45,016 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,937ล้านบาท หรือ 6.1% สาเหตุสำคัญเนื่องจากปัจจับลบ ที่ส่งผลต่อการเดินทางของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าและการแข่งขันที่รุนแรงทำให้รายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าลดลงรวม 4,605 ล้านบาท (10.4%) แต่มีการปรับปรุงบัญชีหนี้สินค่าธรรมเนียมสนามบิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของราคาบัตรโดยสารที่เรียกเก็บจากผู้โดยสารก่อนปี 2559 และนำมารับรู้เป็นรายได้อื่นๆ จำนวน 1,976 ล้านบาท
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวม 47,858 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 4,029 ล้านบาท (7.8%) สาเหตุหลักเกิดจากค่าน้ำมันที่ลดลง 2,107ล้านบาท (13.7%) เพราะราคาน้ำมันลดลง 12.2 % ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันลดลงจากปีก่อน 1,914 ล้านบาท (5.4%) สาหตุหลักเกิดจากการปรับปรุงรายการค่าใช้จ่ายเงินทดแทนวันหยุดประจำปี (วันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ใช้ไม่หมดภายใน3ปีตามที่ระเบียบบริษัทกำหนด) ที่รับรู้รายการเป็นค่าใช้จ่ายในงบการงินสำหรับปี 2558-2561 รวมประมาณ 1,261 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆ ลดลง และเมื่อรวมตัวเลขจาก 9 เดือนที่ผ่านมา การบินไทย ขาดทุนไปแล้วทั้งปีถึง 1.1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการประมาณการเงินตอบแทนความชอบในการทำงานจำนวน 2,689 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯรับรู้ค่าชดเชยเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่องมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ(ฉบับที่4)ที่กำหนดอัตราค่าชดเชยเพิ่มเติม กรณีนายจ้างเลิกจ้างสำหรับลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป ให้มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดจำนวน 400 วัน และมีผลขาดทุนจากการค้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 181 ล้านบาท