เปิดข้อมูลวิจัย! สื่อต่างประเทศเผย ยาฟาวิพิราเวียร์ ไม่ช่วยลดอาการรุนแรงของโควิด ซ้ำเพิ่มกรดยูริกในร่างกาย
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 สื่อต่างประเทศ ได้มีการเผย ผลการศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมเปรียบเทียบ “ยาฟาวิพิราเวียร์” กับ ยาหลอก ที่ทำในประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และบราซิลสร้างความผิดหวังให้กับบริษัทยาของญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ยาตัวนี้
ในที่สุดผลงานวิจัยนี้เพิ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Clinical Infectious Diseases เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 การศึกษาทำในช่วงพฤศจิกายน 2563-ตุลาคม 2564 เป็นการศึกษาขนาดใหญ่ในคนติดเชื้อไวรัส โควิด 1187 ราย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป (ชาวอเมริกัน 963 คน เม็กซิกัน 163 คน บราซิล 65 คน) โดยให้ยาภายใน 5 วันหลังเริ่มมีอาการ ให้ยาทั้งหมด 10 วัน 599 คนรับ “ยาฟาวิพิราเวียร์” 588 คนรับ ยาหลอก
ผลการศึกษาพบว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ ไม่แตกต่างจาก ยาหลอก ไม่ช่วยทำให้อาการของโรค โควิด ดีขึ้น ไม่ลดความรุนแรงของโรค ไม่ลดการป่วยหนักเข้านอนในโรงพยาบาล ไม่ลดจำนวนไวรัสในร่างกาย แต่คนที่กิน ยาฟาวิพิราเวียร์ มี กรดยูริก สูงขึ้นถึง 19.9% เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก 2.8%

ในการศึกษานี้พูดถึงประเทศที่ยังใช้ยาฟาวิพิราเวียร์มีประเทศรัสเซีย อินโดนีเซีย ดูไบ และประเทศไทยรวมอยู่ด้วย บทสรุปของการศึกษานี้ ไม่ควรนำยาฟาวิพิราเวียร์มาใช้ในการรักษาโรค โควิด-19
โดยหมอมนูญ ยังได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC อีกด้วยว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยควรหยุดใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโรค โควิด-19 ยาโมลนูพิราเวียร์ เพราะประเทศเพื่อนบ้านของเราเลิกใช้ ยาฟาวิพิราเวียร์นานแล้ว และเข้าถึง ยาโมลนูพิราเวียร์ และ แพ็กซ์โลวิด ซึ่งมีหลักฐานพิสูจน์ลดความรุนแรงของโรค ลดการเข้านอนในโรงพยาบาล องค์การเภสัชกรรมควรเลิกผลิต นำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ และไม่ควรส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ร้านขายยาและโรงพยาบาลอีกต่อไป
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY