วันนี้ (17 เม.ย.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 18.35 น. ของวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลักทรัพย์ เป็นสร้อยข้อมือเพชรจากร้านแห่งหนึ่งชั้น M ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจสายสืบ
ที่เกิดเหตุพบผู้จัดการร้าน อายุ 39 ปี ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ ด้วยอาการตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชาย ผิวขาว อายุประมาณ 25 – 30 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงขายาวสีดำ ใส่แว่นสายตา ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงขาสั้นสีดำ อายุใกล้เคียงกัน ใส่แว่นสายตาและหมวกผ้าสีดำ ลักษณะคล้ายชาวจีน เดินเข้ามาในร้าน
โดยทั้ง 2 คน ทำทีเป็นลูกค้า โดยแจ้งพนักงานในร้าน ขอดูสร้อยข้อมือเพชร รุ่น yellow gold มูลค่า 1,040,000 บาท ก่อนฝ่ายหญิง จะอาศัยช่วงที่พนักงานเผลอ หยิบสร้อยข้อมือซุกซ่อนไว้ในแขนเสื้อข้างซ้าย แล้วใช้โทรศัพท์มือถือบัง ส่วนฝ่ายชายก็ทำทีเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงด้านขวา เหมือนเป็นการสับขาหลอก แล้วรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล หลบหนีไป
ทั้งนี้ พันตำรวจเอก อาคม ชุพรัตน์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เปิดเผยกับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า หลังจากได้สร้อยข้อมือไป คนร้ายทั้งสองคนได้เดินไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าห้างฯ เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า โคโลร่า สีเขียว-เหลือง ทะเบียน 1มค 9327 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป
จากนั้นตำรวจได้วิทยุสกัดจับรถแท็กซี่คันดังกล่าว พบว่าได้วิ่งไปทางถนนเส้นพระรามเก้า แล้ววิ่งกลับมาขึ้นทางด่วนดินแดง มุ่งหน้าดอนเมือง แต่แล้วก็คลาดกันหวุดหวิด คาดว่าแท็กซี่คันดังกล่าวจะเป็นคนร้ายร่วมแก๊งเดียวกัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถแท็กซี่คันดังกล่าว รวมทั้งอยู่ระหว่างการประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อสืบหาว่าคนร้ายทั้งสองคนเป็นใคร สัญชาติอะไร และเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ส่วนลูกจ้างที่เป็นคนโทรแจ้งตำรวจ ก็ให้การในเบื้องต้นว่า ตนประมาทเพราะไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเข้ามาฉกสร้อยข้อมือไป เพราะทั้งสองคนแต่งตัวดูมีภูมิฐานมีฐานะ และด้วยความที่เป็นร้านหรูที่อยู่ในห้างฯ ชื่อดัง ก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงประมาทไม่ได้จับตามองตลอดเวลา ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกลูกจ้างมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง