บิ๊กเต่า แฉ หมอบี เขียนหนังสือว่าหญิงคนใกล้ชิด 4 คนเป็นพี่น้องกันในชาติก่อน จึงอยู่ร่วมกันได้อย่าง
27 ส.ค.68 ที่ บช.ก. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ระบุว่า จากการเข้าค้น 17 จุดยังคงมีการบ้านที่พนักงานสอบสวนส่วนหลักฐานที่ได้มาเมื่อวานนี้ เรากำลังคัดแย้งให้เป็นหมวดหมู่ เพราะมีข้อมูลเยอะมากเรากำลังตรวจสอบต่อไป และการตรวจค้น 17 จุด ยังพบเงินสดจำนวนหลายล้านบาท ปืน 2-3 กระบอก
ส่วนเรื่องคนใกล้ชิดเป็นเรื่องของหมอบี มีคนใกล้ชิดที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด 4 คน โดยมีคนใกล้ชิดที่สนิทสนมกับหมอบี 3 คนสนิทห่างๆอีก 1 คน น่าจะมีปัญหาขัดแย้งกันภายใน จึงมีการออกมาพูดถึงเรื่องความผิดปกติต่างๆ ซึ่งตำรวจได้มีการสอบปากคำคนใกล้ชิดเป็นผู้หญิงไว้เป็นพยาน ส่วนวันที่อ่านหมายจับกุมพบหมอบี และหญิงอีก 3 คน อยู่ในบ้านโดยมีหนึ่งคนเป็นเลขา เมื่อถามย้ำว่าเป็นนักร้องเด็ดไอดอลหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มีท่าทีอั้มอึ้งในการตอบคำถาม และตอบเพียงว่า เห็นแว๊บๆ
เมื่อถามว่าเป็นการขัดแย้ง เรื่องความรักที่แบ่งให้ไม่เท่ากันหรือไม่จนทำให้มีผู้หญิงหนึ่งคนออกมาแฉ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าหมอบีบริหารไม่ดีสักเท่าไหร่ จริงๆอยากไปเรียนรู้วิธีการของเขาเหมือนกันแต่ความสามารถน่าจะไม่พอ ฟังแล้วก็ตกใจ เพราะพูดออกมามันจะเสียหาย เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของ เมื่อถามว่าทำไมทั้ง 4 คน ถึงยอมรับในการอยู่ร่วมกัน ระบุว่าหมอบีสามารถสะกดวิญญาณทุกคนให้เชื่อถือได้โดยเขียนหนังสือว่าทุกคนเป็นพี่น้องเคยอยู่ในชาติเดียวกันมาก่อน ในชาติปางก่อน ซึ่งหมอบีเก่งในเรื่องการโน้มน้าวใจคน แต่มันก็ไม่ใช่เป็นแค่นั้น ก่อนที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ จะเอามือทั้งสองข้างตบที่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง

มีการโอนเงินจากหมอบีถึงคนสนิททั้งสี่คนหรือไม่ ระบุว่าหมอบีเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่กระจายบางส่วน ไปสู่คนใกล้ชิดแต่ขอให้เรื่องนี้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน
ส่วนบ้านหลังสีดำของหมอบีได้โอนไปให้หลวงพ่อแล้วโดยโอนก่อนเกิดเรื่อง เราจึงขอเวลารอสเตทเม้นท์จนพบเส้นเงินที่โยงเอาไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม
เมื่อถามว่ามีการทำพินัยกรรมถ้าหากทิดอลงกตตายไปแล้วก็จะโอนชื่อบ้านกลับมาเป็นชื่อหมอบี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าไม่รู้ แต่มีเรื่องนึงที่คิดเป็นนโยบายตนเองกำลังจะเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่คนบริจาคแล้วเอาเงินสดไปซื้อที่ดินทั้งหมดไปอยู่ในความครอบครองคนอื่นก็ขอประกาศเตือนตรงนี้เลยว่าทุกคนที่ยังยึดถือครอบครองทรัพย์สินของวัดไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน ที่ดินให้นำมาคืนวัดให้หมด โดยให้มาติดต่อกับพนักงานสอบสวนถ้าไม่คืนถือว่ามีเจตนา เพราะมันจะมีข้อหาฟอกเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีของโรงเรียนใจจะมีการจัดการอย่างไรต่อ ระบุว่าเรื่องนี้รัฐบาลนำไปดูแลแล้ว หลวงพ่อไม่ห่วง ที่ห่วงที่สุดมีอยู่เรื่องเดียว คือผู้ป่วยเอชไอวี ประมาณ 100 กว่าคนที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ภายในวัดเรื่องนี้ได้ให้ทางกองปราบให้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลแล้ว / ส่วนใจฟ้าอะคาเดมี่เรื่องโค้ช และนักเรียน ระบุว่าเรื่องนี้ ได้คุยกับทิดอลงกตแล้วว่าว่ามีพระรูปไหนที่จะสามารถทำงานแทนทิดอลงกตได้เราจะได้เสนอไปที่เจ้าคณะจังหวัดให้เข้ามาดูแลงานแทน แต่เรื่องนี้ทิดอลงกตไม่ให้ความเห็นว่าใครจะเหมาะสม แต่เรื่องนี้คณะสงฆ์ก็ต้องเป็นคนจัดการ
ส่วนกรณีที่ทนายรณรงค์ บอกว่าเคยเอาเงินบริจาคไปว่าจ้างนักร้องเรื่องนี้จริงหรือไม่ ระบุว่าใช่ ซึ่งทิดอลงกตบอกว่านักร้องพวกนี้นั้นมาโกงทิดอลงกต เช่น ค่าใช้จ่ายไม่ตรง

เมื่อถามว่าตกลงแล้วทิดอลงกตมีภรรยา และลูก จริงหรือไม่ ระบุว่าเป็นการบ้านที่จะต้องทำ และจะต้องตรวจสอบเบื้องต้นได้มีการเก็บดีเอ็นเอทิดอลงกตไว้ตรวจเทียบเคียงแล้ว เมื่อถามว่าเด็กที่ชื่อใจฟ้ามีจริงหรือไม่ ระบุว่าอย่าพึ่งไปไกล
เมื่อถามว่าเงินที่ถูกถอนออกไปเป็นเงินสด จะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ระบุว่าเราได้ตรวจสอบเส้นเงินสัมพันธ์มีเงินหมุนเวียนในการเบิกถอนซึ่งเราพอเห็นคนที่มาเกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ประมาณ 30 คนบวกลบ เพราะฉะนั้นเส้นที่ไปสัมพันธ์กันเป็นเรื่องที่เราจะต้องไปทำต่อ เราเชื่อว่าเงินน่าจะผ่านบัญชีทั้งเงินสด หรือเงินต่างๆหลักพันล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาของเราอยู่ เพราะเงินมันจำนวนเยอะ และมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเยอะ
เมื่อถามว่าจะได้เห็นหมายจับรอบ 2-3 ทั้งหมด เป็นเรื่องที่จะต้องทำเรื่องนี้ และต้องคลี่คลายในทุกประเด็น เพราะเงินบริจาคทั้งหมดที่เป็นเงิน ที่ประชาชนบริจาคมาให้วัดพระบาทน้ำพุส่วนใหญ่
เพราะฉะนั้นใครที่เกี่ยวเส้นนั้นพวกนี้จะต้องมีความผิดในข้อหาฟอกเงินด้วย / พร้อมบอกว่าใน 30 คนที่มีส่วนสัมพันธ์กับเส้นเงินส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดทำงานกับทิดอลงกตทุกคน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะมีการเรียกตัวเข้ามาให้ข้อมูลอยากให้เตรียมตัว
ส่วนประเด็นที่ตำรวจเข้าไปค้นมูลนิธิใจฟ้า แล้วพบว่ามีการใช้เครื่องทำลายเอกสาร ระบุว่าต่อให้ทำลายอย่างไรก็มีหลักฐานที่เป็นสเตทเม้นท์
ส่วนช่วงไทม์ไลน์ของทิดอลงกตที่หายไป จากการสอบปากคำตำรวจรับฟังข้อมูลพบว่าทิดอลงกตให้ข้อมูลว่ามีการไปทำงานก่อสร้างเปโตรนาสซึ่งไม่ใช่เป็นการเขียนแบบที่ประเทศมาเลเซียสองถึงสามปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ทิดอลงกต พูดมาเต็มปากหลังจากเป็นนักฟุตบอลก็สำมะเลเทเมา เกเร ทำงานไปด้วยกินเหล้าไปด้วย แต่จะมีเรื่องอะไรหรือไม่ก็ต้องไปตรวจสอบ เพราะหนีมาแล้วก็ใช้ชื่อคนอื่น ส่วนเรื่องทหารมีข้อมูลที่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้อยู่แล้ว เพราะมีการหนีและกลับเข้ามาก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นบุคคลอื่นซึ่งจะการให้การส่วนตัวไม่ได้เชื่อในคำให้การทั้งหมดที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน อย่างไรก็ตามศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยทางพระพุทธศาสนาต้องการทำข้อมูลข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้เพราะข้อมูลข้อเท็จจริงที่พระอลงกตมีการอัพเดตชื่อเลขบัตรประชาชน 13 หลักการตรวจสอบได้
ประเด็นที่มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องการนั่งวีลแชร์ของทิศอลงกต ระบุว่า หลวงพ่อไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้มองว่าเป็นการแสดง “อลงกตการละคร” เป็น การฉ้อฉลหลอกลวงพี่น้องประชาชน เพราะความจำเป็นในการรักษาผู้ป่วยก็แทบจะไม่มี ยาก็ไปเบิกที่วัดการไปบริจาคทุกครั้งไปช่วยเหลือผู้ป่วยเอชไอวีก็เข้าข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้ แต่เรามองว่าทำข้อหาฉ้อโกงประชาชนทรัพย์สิน จะไปอยู่กับแผ่นดิน แต่ส่วนตัวอยากให้ทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนสู่วัดจึงเป็นข้อหา ตามมาตรา147 , 157 และฟอกเงิน
รวมถึงกรณีที่มีนักข่าวในจังหวัดลพบุรีถูกยิง ระบุว่า เป็นเรื่องจริง แต่ทางทิศอลงกฎไม่ตอบมีท่าทีอั้มอึ้ง แต่เรามีพยานหลักฐานและมีพยานแวดล้อม ที่เชื่อได้ว่าทิดอลงกตมีส่วนเกี่ยวข้องซึ่ง ได้สั่งให้ทางกองบังคับการปราบปรามรื้อคดีนี้มาทำด้วย