พิรุธเพียบ! พบศพแม่ลูกอ่อน ผูกคอตัวเองตายกลางป่า ขณะที่มือและเท้าถูกมัด ด้านสามีไม่เชื่อภรรยาฆ่าตัวตายเอง
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม เวลาประมาณ 19.30 น. พ.ต.ต.สมาน จันทร์ศรี สารวัตรเวร สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิตภายในป่า พื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จึงรุดตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรี แพทย์เวรโรงพยาบาลท่ายาง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานสนับสนุน
โดยที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ป่ารกทึบ ห่างจากถนนลูกรังเข้าไปกว่า 2 กิโลเมตร พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงหนึ่งรายทราบชื่อต่อมาคือนางสาวฐิติพร (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สภาพศพห้อยแขวนคอ อยู่บนต้นไม้สูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตรโดยใช้เศษผ้าผูกกับกิ่งไม้ แล้วต่อด้วยเชือกป่านขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว โดยที่ข้อมือศพมีเชือกป่านสีขาวมัดในลักษณะเป็นปมมัดผูกเชื่อมข้อมือทั้ง 2 ข้าง บนต้นไม้ใกล้จุดผูกเชือกพบกระเป๋าสะพายของผู้ตาย 1 ใบ ภายในมีถุงพลาสติกจำนวนหลายใบ โคนต้นไม้พบรองเท้าแตะสีดำ 1 คู่
สอบถามนายอำนวย พ่วงพี อายุ 53 ปี สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนและภรรยาอยู่กินกันมาหลายปี มีบุตรชาย 2 คน คนโตอายุ 9 ขวบ คนเล็ก 11 เดือน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาภรรยาได้ขอเงินตน 100 บาทแต่ตนไม่มีให้ ผู้ตายจึงได้นำครืนดักไก่ (อุปกรณ์ดักไก่ป่า)จำนวน 3 ชิ้นออกไปจากบ้านพร้อมกับลูกชายวัย 9 ขวบ เพื่อนำไปขาย ส่วนตนเลี้ยงลูกน้อยวัย 11 เดือนอยู่ที่บ้าน
กระทั่งช่วงสายลูกชายวัย 9 ขวบ กลับมาที่บ้านและเล่าว่าแม่วิ่งหายเข้าไปในป่า ต่อมาช่วงเย็นมีชาวบ้านมาแจ้งว่าพบศพของภรรยาผูกคอเสียชีวิตในป่าตนจึงเดินทางมาดูพร้อมกับลูกชาย และเมื่อเห็นสภาพศพที่มีเชือกผูกข้อมือทั้งสองข้างคิดว่าไม่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายเอง
ก่อนหน้านี้แม้ทราบว่าภรรยาของตนแอบมีกิ๊กซึ่งตนเคยห้ามแต่ภรรยาไม่ฟัง แต่ตนเป็นฝ่ายยอมภรรยาตลอดและไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ยอมรับว่าภรรยาติดยาเสพติดอย่างหนัก และมักมีอาการหลอน
สอบถามน้อง เอ (นามสมมุติ) ลูกชายของผู้ตายทราบว่า เมื่อช่วงเช้าออกมากับแม่โดยแม่เอาครืนดักไก่มาขาย หลังจากนั้นระหว่างเดินกลับบ้านแม่ก็วิ่งเข้าป่าหนีหายไป กระเป๋าสะพายที่พบเป็นของแม่ที่ใช้ติดตัวเป็นประจำ ส่วนเชือกที่ศพแม่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน
แพทย์ชันสูตรไม่พบบาดแผลอื่น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและญาติติดใจการเสียชีวิตเบื้องต้นจึงได้ส่งศพส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง
