ซาอุดีอาระเบียเปิดแถลงข่าว แสดงหลักฐานเป็นขีปนาวุธนำวิถีและโดรน หลังโดนถล่มโรงน้ำมัน ยืนยันของเป็นอิหร่าน
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. สำนักข่าวเอพี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน จากกรณีการโจมตีโรงงานกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งสูง โดยพันเอก ตุรกี อัล-มาลิกี โฆษกกองทัพซาอุดีอาระเบีย แถลงข่าวพร้อมแสดงซากโดรนและขีปนาวุธที่พบในจุดเกิดเหตุที่โรงกลั่นน้ำมันถูกถล่ม ว่า การโจมตีโรงน้ำมันครั้งนี้มีอิหร่านสนับสนุนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ได้กล่าวหาโดยตรงว่าการยิงอาวุธนี้มาจากพรมแดนของอิหร่าน โดยการโจมตีนี้มีโดรนทั้งหมด 18 ลำ ขีปนาวุธร่อน 7 อัน เป็นชนิดพิสัยทำการไกล 700 กิโลเมตร ดังนั้นเชื่อได้ว่า ไม่ได้ยิงมาจากประเทศเยเมน ตามที่กลุ่มกบฏฮูตี กล่าวอ้างอย่างแน่นอน

ด้านนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางถึงกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือกับทางการซาอุดีอาระเบีย ถึงรูปแบบการผนึกกำลังกันเพื่อตอบโต้อิหร่าน โดยสหรัฐฯยังคงยืนยันว่ามีหลักฐานว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นมานั้นมาจากอิหร่าน สร้างความหวาดวิตกให้หลายฝ่าย ว่าอาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายไปสู่การปะทะกันด้วยกำลังทหาร
ส่วนรัฐบาลอิหร่านส่งหนังสือทางการทูตถึงรัฐบาลสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ผ่านสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว และขอประณามการใส่ร้ายอิหร่านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศ
ขณะที่นายฮัสซัน เราฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ยังให้ความเห็นว่า กลุ่มฮูตีโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและทุ่งขุดเจาะบ่อน้ำมันของซาอุดิอาราเบีย คู่สงครามในสมรภูมิเยเมน เพื่อจะส่งสารถึงซาอุดิอาราเบีย ว่า ฮูตีไม่ได้ทำลายโรงเรียน โรงพยาบาล ไม่ได้ถล่มพระราชวัง แต่โจมตีอุตสาหกรรมของซาอุฯ เพื่อตักเตือนเท่านั้น
ส่วนรัฐบาลสหภาพยุโรปยังไม่ออกตัวปักใจเชื่อฝ่ายใด นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศจะส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนไปยังซาอุดีอาระเบีย เพื่อสืบหาต้นตอการโจมตีที่แท้จริง หลังโทรศัพท์หารือกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย