ยูเครน — ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯได้เปิดการแถลงข่าวผ่านทางโทรทัศน์ทั่วประเทศจากทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 2565) เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยผู้นำสหรัฐฯระบุว่า จากการประเมินข้อมูลของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯขณะนี้ชี้ว่ารัสเซียกำลังเตรียมบุกกรุงเคียฟของยูเครนภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้
ประธานาธิบดีไบเดน ยังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ตัดสินใจบุกยูเครนแล้ว พร้อมกับเตือนสติรัสเซียว่าขณะนี้ยังสามารถใช้วิธีการทางการทูตแก้ปัญหาได้ ทุกอย่างยังไม่สายเกินไปที่ทั้งรัสเซียและยูเครนจะหันกลับมาเจรจากัน
คำกล่าวของประธานาธิบดีไบเดนมีขึ้น หลังจากที่เริ่มมีสัญญาณความตึงเครียด เมื่อผู้นำกลุ่มแบกแยกดินแดนในยูเครนได้ประกาศอพยพประชาชน พร้อมกับบอกว่ายูเครนระดมกำลังและเตรียมพร้อมโจมตี ขณะเดียวกัน ทางการสหรัฐฯประเมินว่า รัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารบริเวณพรมแดนที่ติดกับยูเครนราว 160,000 ถึง 190,000 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งกองกำลังของกลุ่มนักรบจากสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ที่ประกาศตัวเองเป็นรัฐอธิปไตยในพื้นที่ตะวันออกของยูเครน และได้รับการสนับสนุจากรัสเซียรวมอยู่ด้วย
ขณะที่ทางการรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่ารัสเซียเตรียมบุกยูเครน โดยระบุว่าไม่เป็นความจริง
ด้านประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซียเปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ในยูเครนเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้กล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิ์มนุษย์ และใช้กฎหมายแบ่งแยกประชาชนที่พูดรัสเซียในยูเครน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวว่ายังคงพร้อมเจรจากับบรรดาผู้นำชาติตะวันตกเพื่อหารือประเด็นวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน แต่ได้เตือนว่าบรรดาชาติสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้จะต้องยุติการแผ่ขยายอำนาจทางการทหารในยุโรปตะวันออกด้วย
ทั้งนี้ ชนวนเหตุที่ทำให้รัสเซียต้องส่งทหารกว่า 1 แสนนายประชิดพรมแดนยูเครนมีขึ้น เพื่อไม่ให้ยูเครนเข้าสมัครเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ซึ่งหากยูเครน ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียดเข้าร่วมกับนาโต้ก็จะได้รับการสนับสนุนด้านการทหารและอาวุธจากบรรดาชาติตะวันตก และจะถือเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียในอนาคต
อ้างอิง BBC