กระทรวงสาธารณสุขของ ฟิลิปปินส์ รายงานว่ายอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในฟิลิปปินส์รวมอยู่ที่ 93,354 ราย หลังตรวจพบผู้ป่วยเพิ่ม 4,063 รายในวันศุกร์ (31 ก.ค.) ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันที่เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
กระทรวงฯ รายงานว่า ฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลเพิ่ม 165 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยหายดีรวมอยู่ที่ 65,178 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2,023 ราย หลังตรวจพบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 40 ราย
ทั้งนี้ โรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ระบุว่าพื้นที่มหานครมะนิลาหรือเมโทรมะนิลา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 15 ล้านคน และตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากที่สุดในประเทศกว่า 50,000 ราย จะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการกักกันชุมชนทั่วไปจนถึงวันที่ 15 ส.ค. เนื่องจากตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ในประเทศอยู่ภายใต้มาตรการกักกันในระดับที่แตกต่างกันออกไป
ด้าน นาย รามอน โลเปซ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ เผยว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาให้ชาวฟิลิปปินส์สวมกระบังหน้าเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทต่ำ อาทิ ระบบขนส่งสาธารณะ เนื่องจากงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่านอกจากสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคมแล้ว กระบังหน้ายังช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสในพื้นที่ลักษณะดังกล่าวด้วย
สำหรับ การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ และการเว้นระยะห่างทางสังคม ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่สุดที่รัฐบาลฟิลิปปินส์บังคับใช้ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม รานจิต ไรย์ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในฟิลิปปินส์จะสูงถึง 150,000 ราย ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมเสริมว่าแม้อัตราการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยไปยังคนปกติในเมโทรมะนิลาจะลดลงจาก 1.75 เหลืออยู่ที่ราว 1.3-1.4 แต่อัตราดังกล่าวยังคงสูงและควรลดให้ได้ต่ำกว่าหนึ่ง