สำนักงานบริการข้อมูลสภาพอากาศของสหรัฐฯเปิดเผยว่าพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติ หุบเขามรณะ ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯทำสถิติอุณหภูมิที่สูงที่สุดในโลก โดยวัดอุณหภูมิได้ 54.4 องศาเซลเซียส
ส่วนสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวพุ่งสูงเกิดจากคลื่นความร้อนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งพบว่ามีอุณหภูมิเพิ่มสูงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นที่คาดว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในช่วงสัปดาห์นี้
สภาพอากาศที่ร้อนจัดต่อเนื่องยังส่งผลให้โรงงานไฟฟ้าทำงานขัดข้อง และทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นเวลา 2 วันในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ก่อนหน้านี้บริเวณหุบเขามรณะเคยสร้างสถิติอุณหภูมิร้อนที่สุดในโลก โดยวัดอุณหภูมิได้ 54 องศาเซลเซียส เมื่อปี 2013 โดยพื้นที่หุบเขามรณะเคยสร้างสถิติเป็นพื้นที่ ซึ่งมีอุณหภูมิร้อนจัดที่สุดในโลกในรอบ 100 ปี โดยวัดอุณหภูมิได้ 56.6 องศาเซลเซียส เมื่อปี 1913อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวยังคงเป็นข้อถกเถียง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศเชื่อว่าอาจเกิดความผิดพลาดระหว่างวัดอุณหภูมิ
ทั้งนี้ คลื่นความร้อน ซึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐฯได้แผ่ปกคลุมบริเวณรัฐแอริโซนาไปจนถึงพื้นที่ชายฝั่งของรัฐวอชิงตัน โดยคาดว่าคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงสูงสุดในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะอุณหภูมิจะเริ่มลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้สภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน