สตีฟ อีสเตอร์บรูค CEO แม็คโดนัลด์ หรือร้านเบอร์เดอร์สัญชาติอเมริกัน ชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลก ถูกปลดจากตำแหน่ง หลังละเมิดกฎขององค์กร ‘ห้ามสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว’
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 สำนักข่าวต่างประเทศของประเทศอังกฤษ (BBC) รายงานว่า สตีฟ อีสเตอร์บรูค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) “แม็คโดนัลด์ (McDonald)” หรือร้านเบอร์เดอร์สัญชาติอเมริกัน ชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลกนั้นถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังละเมิดกฎขององค์กร ในข้อห้ามคบหาฉันท์ชู้สาวกับพนักงานในบริษัทเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวก็ยอมรับคำตัดสินดังกล่าวโดยดี
สตีฟ อีสเตอร์บรูค เป็นบุคคลสำคัญขององค์กรอีกคนหนึ่ง ได้รับการยกย่องด้านนโยบายการปรับปรุงสูตรอาหารและสภาพของร้าน อีกทั้งขยายบริการส่งอาหารและการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า โดยในขณะนี้ สตีฟ อีสเตอร์บรูค มีอายุ 52 ปีแล้ว และเคยผ่านการแต่งงานจนหย่าร้างมาก่อน เข้าทำงานที่แม็คโดนัลด์โดยเป็นผู้จัดการสาขาในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ เมื่อปี 2536 และก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 เขาลาออกไปร่วมงานกับ Pizza Express และWagamama เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะกลับมาอยู่กับแม็คโดนัลด์ ในปี 2556 ซึ่งเขาได้ดูแลสาขาร้านทั้งหมดในสหราชอาณาจักรและภูมิภาคยุโรปเหนือ กระทั่งในปี 2558 จึงได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง CEO หรือผู้บริหารสูงสุดขององค์กร
นอกจากนั้น ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า แม็คโดนัลด์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นบริษัทที่ให้ค่าจ้าง CEO สูงเกินไปหากเทียบกับค่าจ้างพนักงาน ซึ่ง สตีฟ อีสเตอร์บรูค ด้ค่าจ้าง 15.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 477 ล้านบาท มากกว่าพนักงานทั่วไปที่ได้ค่าจ้างเดือนละ 7,473 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2.2 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งหลังจากนี้ คริส เคมพ์ซินสกี (Chris Kempczinski) ประธานแม็คโดนัลด์สาขาสหรัฐฯ จะเป็นผู้รับตำแหน่ง CEO ต่อจาก อีสเตอร์บรูค