หลายๆ คน อาจคุ้นชื่อ แทมมี่ ดักเวิร์ธ กันอยู่บ้าง เธอคนนี้เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไทย และเป็นวุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งมีรายงานข่าวว่าเธออาจได้รับเลือกให้เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคู่กับ โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรคเดโมแครต โดยมีการคาดเดาว่า ไบเดนจะประกาศชื่อผู้ได้รับเลือกให้ลงสมัครคู่กับเขาในสัปดาห์นี้
ดักเวิร์ธ เกิดที่กรุงเทพมหานคร ก่อนจะย้ายไปอยู่ในหลายประเทศตามพ่อของเธอผู้เป็นเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ และในช่วงวัยรุ่นที่พ่อแม่ของเธอต้องออกจากงานเธอจึงต้องฝ่าฟันความยากจนในช่วงเวลานั้น กระทั่งเรียนจบเธอได้เข้าทำงานเป็นทหารในกองทัพสหรัฐ อีกทั้งในช่วงสงครามอิรักเธอได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไป ทหารผ่านศึกของสหรัฐผู้นี้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะชนะเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารัฐอิลลินอยส์ในปี 2016 เธอคือชาวอเมริกันเชื้อสายไทยคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาคองเกรสของสหรัฐ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่คลอดลูกระหว่างดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกอีกด้วย
ดักเวิร์ธ ในวัย 52 ปี นี้ เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการทำงานเกี่ยวกับประเด็นทหารผ่านศึก เธอยังเคยทำงานด้านนโยบายสาธารณสุข และเคยพูดบ่อยครั้งเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงของชาติอีกด้วย โดยจากการที่เธอเคยร่วมรบสงครามอิรักนั้น เธอมองว่าเป็นเรื่องผิดพลาดของสหรัฐ ซึ่งเธอได้กล่าวว่า “มันเป็นบทเรียนที่แสนจะยากลำบาก ฉันหวังว่าประเทศนี้จะตั้งคำถามถึงเหตุและผลมากกว่านี้ก่อนที่จะเข้าร่วมสงคราม”
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด โควิดไม่ทันหาย ซาลโมเนลลา ระบาดต่อในสหรัฐ
เธอถูกพูดถึงบ่อยครั้งในประเด็นที่ว่าเธออาจได้เป็นผู้ท้าชิงเบอร์สอง คู่กับนายไบเดน นอกจากนี้ เธอยังตกเป็นเป้าโจมตีของ ทัคเกอร์ คาร์สัน พิธีกรช่องฟ็อกซ์นิวส์ และคนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมอีกด้วย
ซึ่งพิธีกรช่องฟ็อกซ์นิวส์คนดังกล่าว ได้ตั้งคำถามต่อความรักชาติของเธอ จากกรณีที่ดักเวิร์ธได้เปิดเผยต่อช่องซีเอ็นเอ็น (CNN) ว่าเธอมีความคิดเปิดกว้างเรื่องแนวคิดที่จะรื้อถอนอนุสาวรีย์ของเหล่าบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้ค้าทาส ซึ่งเธอตอกกลับเขาผ่านทวิตเตอร์ว่า “นายคาร์สันควรจะมาลอง เดินดูสักไมล์หนึ่งโดยใช้ขาฉัน แล้วค่อยมาบอกว่าฉันรักอเมริกาหรือเปล่า”
สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนเชื่อว่าด้วยประวัติทางการทหารและภูมิหลังที่มีเชื้อสายเอเชียจะช่วยให้ ไบเดน มีโอกาสชนะมากขึ้น ด้านผู้สนับสนุนเธอบอกว่าหาก ไบเดน เลือกเธอ เขาจะได้ฐานเสียงจากทหารผ่านศึก ชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติ และผู้หญิง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนเชื่อว่านายไบเดนควรจะเลือกคนผิวดำเป็นผู้ท้าชิงรองประธานาธิบดีคู่กับเขาโดยมี คามาลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นตัวเก็ง
ทรัมป์ เตรียมออกคำสั่งแบน TikTok ในสหรัฐฯ หวั่นเป็นภัยต่อความมั่นคง
ความสำคัญอย่างมากของตัวเลือกผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ มีสาเหตุมาจากอายุ 77 ปี ของ ไบเดน ที่หากเขาชนะการเลือกตั้ง แล้วดำรงตำแหน่งครบวาระ เขาจะอายุ 82 ปี ซึ่งไม่มีใครคิดว่าหลังจากนั้นเขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งอีกสมัย แสดงถึงว่าคนที่จะเข้ามาเป็นประธานาธิบดีต่อจากเขา อาจมาจากรองประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ดักเวิร์ธเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของ ไบเดน และไบเดนเองก็เอ่ยชื่นชมเธอด้วยว่า “ผมไม่เคยเจอใครที่กล้าหาญมากเท่าคุณ ผมรู้สึกซาบซึ้งที่คุณอยู่เคียงข้างผมในศึกครั้งนี้”
ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เธอยังได้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเปิดเผยถึง “ความล้มเหลวที่จะนำชาติของเรา” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอพร้อมที่จะต่อสู้เคียงข้างไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้
จีนสวนกลับสั่งปิด สถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเฉิงตู ตอบโต้สหรัฐฯปิดสถานกงสุลจีน ในเมืองฮุสตัน