ด่วน! จ่อสอบ “บอสกันต์” โผล่วงจรปิดวันตรวจค้นเรือนจำฉาว

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กองคดีความมั่นคง สืบสวนกรณีเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสรุปว่าเข้าลักษณะคดีพิเศษในกรณีใด ประกอบด้วย 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

1.พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหน อย่างไร มีใครเกี่ยวข้องโดยมีพยานหลักฐานใดยืนยันบ้าง
2.เจ้าหน้าที่คนใดเป็นตัวการ หรือช่วยเหลืออำนวยความสะดวก รวมทั้งขยายผลหากมีผู้มีอิทธิพลคนใดช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
3.กลุ่มหรือเครือข่ายผู้ต้องขังชาวต่างชาติที่ซื้อบริการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องใด และพัวพันกับคดีข้ามชาติอื่น ๆ อีกหรือไม่

ซึ่งเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่หมุนเวียนใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก โดยจะวิเคราะห์จากเส้นทางการเงินเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงประกอบการสืบสวนต่อไป

ส่วนกรณี บอสกันต์ ดิไอคอน อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอเพิ่งรับมาสืบสวนเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ขณะนี้ยังไม่ข้อมูลตามที่มีกระแสข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตั้งขึ้นมีแนวทางและวิธีการสอบสวนข้อเท็จจริง เรื่องการพบสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจำ ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 72 มาตรา 73 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายใต้การอำนวยการของนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำฯ โดยภายหลังเกิดเหตุการณ์ฉาวขึ้น

ทั้งนี้ มีรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งขึ้น ได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของนายมานพ อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่มีกระแสข่าวว่ามักจะเดินทางไปมาเก๊า โดยเป็นการตรวจสอบคู่ขนานกับการตรวจเส้นทางการเงิน ตามที่มีประด็นต้องสงสัยว่า นอกจากไปเล่นพนัน อาจเป็นสถานที่รับมอบเงินจากกลุ่มจีนเทา นอกจากนี้ กลุ่มจีนเทาได้มอบรถยนต์หรูให้นายมานพ อดีตผบ.เรือนจำพิเศษกทม. ไว้ใช้งานด้วย