เปิดใจเจ้าของ ยาดมหงส์ไทย เหลือลูกค้าเชื่อมั่นแค่ 10% อีก 90% หายไป วอนถ้าผิดก็เตือนให้แก้ไข ดีกว่าที่จะพิฆาตเราเลย
จากกรณีปคบ.เผยแพร่ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม อย. ทลายโรงงานเถื่อน ลักลอบผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยี่ห้อดัง ยึดของกลางกว่า 2 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 100 ล้านบาทเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568
สืบเนื่องจากปรากฏข่าว กรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศ ว่าพบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ในผลการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ยาดมสมุนไพรยี่ห้อดัง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งหากมีการสูดดมยาดมสมุนไพรที่ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์อาจทำให้เกิดความเสี่ยงให้หลอดลม หรือปอดอักเสบได้นั้น
ล่าสุด 30 ต.ค. 68 นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย“ยาดมหงส์ไทย”เปิดเผยว่า วันนี้(30 ต.ค.)ได้เดินทางไปยังสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ( องค์การมหาชน) หรือ สทน. เพื่อทำการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาจุลินทรีย์ใน “ยาดมสมุนไพรสูตร 2 ล็อตที่ 332”หลังอย.พบปัญหาการปนเปื้อนจุลินทรีย์ ซึ่งได้นำสินค้าทุกตัวไปฉายแสและพบว่าค่าจุลินทรีย์เป็นศูนย์ ซึ่งถือว่าไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค
แต่ล่าสุดมีข่าวออกมาสถานที่เราใช้ติดสติกเกอร์และบรรจุใส่โหลย่านพุทธมณฑลสาย3 ถูกระบุว่าเป็นโรงงานเถื่อน ซึ่งเรื่องนี้เนื่องจากเราผลิตไม่ทัน เนื่องจากมีออเดอร์เข้ามามาก จึงได้หาพื้นที่และซื้อเครื่องติดสติ๊กเกอร์เพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาผลิตไม่ทัน
ในขณะเดียวกันเราได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานที่พุทธมณฑลสาย4 ซึ่งได้ก่อสร้างตามแบบที่อย.อนุมัติแล้ว แต่ก่อนที่จะได้รับการอนุญาต ต้องยื่นเรื่องการขอใบอนุญาตจากสสจ.สมุทรสาครก่อน เมื่อเราไปติดต่อก็ระบุว่าถ้ามีเครื่องจักรเข้ามาอีก ต้องรอให้พร้อมก่อน จึงทำให้ยังไม่ได้ใบอนุญาตจากอย.
“ตอนนี้เรื่องบานปลาย จนเกิดความเสียหายเยอะ น่าจะประเมินค่าไม่ได้แล้ว จากที่เรากำลังแก้เรื่องนี้ มาเจอเรื่องนี้ เราก็พยายามแก้ปัญหา ไม่ได้นิ่งเฉย ต้องแก้ทีละเรื่อง เราก็ต้องทำงาน หาเงินเลี้ยงองค์กรด้วยเช่นกัน จากธุรกิจที่เราทำมา 20 ปี ถูกทำลายไปใน 2 วันนี้ ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงเราที่เสีย ยังมีชื่อเสียงของประเทศไทยที่เสียไปด้วย คาดว่ายังมีลูกค้าที่ยังเชื่อมั่นเราแค่ 10% อีก 90%น่าจะหายไป ผมก็ไม่อยากจะทำผิด แต่จะให้ผมทำยังไง ทุกอย่างมันบีบบังคับ เราไม่ได้บอกว่าเราดื้อดึง เราพยายามแก้ปัญหาอยู่ และต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีข้อโต้แย้ง จากนี้ขอดูท่าที เขาจะสรุปกับผมว่าอย่างไร จะให้โอกาสหรือขยี้ผมให้จมดินเลย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอย.และสังคมด้วย”
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราก็ต่อสู้มาทุกด้าน เมื่อเจอเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกท้อ และอยากจะถามว่า ทำไมไม่เปิดโอกาสให้เรา ไม่ใช่เอากฎระเบียบมาขยี้แบบนี้ ถ้าผิดก็เตือนให้เราแก้ไข ดีกว่าที่จะพิฆาตเราเลย
“อยากถามแค่ว่า มีทางออกให้ผมได้ทำสำเร็จไหม และขอย้ำว่า เราทำธุรกิจด้วยความสุจริตและตั้งใจ”