สรุปเรื่องร้อน ลูกพี่ลูกน้องนำชื่อไปทำประกันชีวิตวางแผนฆ่าหวังฮุบเงิน มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท แต่ความมาแตกเพราะอุบัติเหตุ
จากกรณีสองสามีภรรยาร้องถูกญาติ นำชื่อไปทำประกันกว่า 50 กรมธรรม์ แฉวางแผนฆ่าหวังฮุบเงิน มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท
นางสาว พัชรวรินทร์ หรือ อุ๊ และนายโต้ง สองสามีภรรยาผู้เสียหาย ที่ถูกนำชื่อไปทำประกันกว่า 50 กรมธรรม์ มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2558-2559 ขณะนั้นยอมรับตามตรงเลยว่าเธอทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ จากนั้นช่วงปี 2559 ก็มีนางสาวพิมพ์พรรณ และนายฐากร ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ได้เข้ามาขอร่วมทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ด้วย จากนั้นในช่วงปี 2561 ก็มีนางสาววัชรี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องด้วยเช่นกัน เข้ามาร่วมทำธุรกิจอีกคน
รูปแบบของการทำธุรกิจร่วมกันก็คือทางนางสาวพิมพ์พรรณ / นายฐากร และนางสาววัชรี จะนำเงินมาร่วมลงทุนแล้วปล่อยกู้เพื่อกินเงินดอกเบี้ย แต่ก็เกิดสภาพคล่องเมื่อตอนปี 2561 ลูกหนี้ที่ปล่อยเงินกู้ไม่จ่ายตามวาระ จึงทำให้เกิดการทวงเงินกัน โดยเธอเป็นหนี้นางสาวพิมพ์พรรณ และนายฐากูร ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ส่วนนางสาววัชรี เธอเป็นหนี้กว่า 10 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2561 เธอถูกนางสาวพิมพ์พรรณ และนายฐากร ฟ้องร้องในคดีฉ้อโกง ตอนแรกศาลให้มีการทยอยชำระ แต่ยอมรับว่าขณะนั้นไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ตามกำหนด ศาลจึงมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อปี 2563 ให้เธอและสามีได้รับโทษติดคุกจำนวน 2 ปี จึงทำให้ต้องเข้าไปรับโทษในเรือนจำตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 แต่พอเข้าไปรับโทษด้วยความที่ประพฤติตัวดีมาตลอด จึงได้รับการลดหย่อนโทษ กระทั่งเดือนมีนาคม 2564 สามีของเธอได้พ้นโทษออกมาก่อน ส่วนเธอพ้นโทษมาเมื่อเดือนกันยายน 2564 ด้วยเช่นกัน
พอพ้นโทษออกมาทางนางสาววัชรี ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของเธอกว่า 10 ล้านบาท ได้เข้ามาพูดคุยดีด้วย ในตอนนั้นเธอยอมรับเลยว่าค่อนข้างที่จะแปลกใจมาก เพราะครอบครัวของเธอเป็นหนี้นางสาววัชรี กว่า 10 ล้านบาท แต่นางสาววัชรี กลับมาคุยดีด้วย ก่อนจะเริ่มมีการพูดคุยกันแบบสนิทชิดเชื้อ โดยในตอนนั้นก็มองในแง่ดีว่าคนเป็นญาติกันคงมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน
จนกระทั่งเดือนกันยายนปี 2565 ในขณะนั้นเธอกับสามีถือว่าเป็นคนตกงาน ตัวของนางสาววัชรี จึงมีการชักชวนสามีของเธอให้เข้ามาช่วยงานเรื่องของการจำนำรถ โดยรับหน้าที่เป็นคนหาสถานที่นำรถมาจอด จากนั้นในวันที่ 18 กันยายน 2565 นางสาววัชรี ได้ให้เบอร์นางสาวตอง เพื่อให้สามีได้พูดคุยกันเรื่องรายละเอียดของงาน ก่อนที่นางสาวตอง จะส่งเบอร์นายบอย ซึ่งอ้างว่าเป็นคนที่ทำงานร่วมกันให้สามีเธอคุย แล้วนัดแนะกันไปโดยสถานที่จอดรถ
พอหลังจากที่ไปดูสถานที่เสร็จเรียบร้อยก็ได้ไปนั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งระหว่างที่กินข้าวด้วยกันสามีของเธอก็พบความผิดสังเกต เพราะตอนที่มีการสั่งอาหารและเครื่องดื่มมานั่งกินด้วยกันนั้น พอพนักงานได้มีการนำมาเสิร์ฟ นายบอย จะมีการขอชำระเงินทุกเมนูที่เข้ามาเสิร์ฟ โดยเป็นการชำระเงินทีละเมนู

วางแผนฆ่า ขับกระบะพุ่งชนรถจยย.สามี หวังปลิดชีพ แต่โชคดีรอดตาย
พอหลังจากทานข้าวกันเสร็จก็ได้แยกย้ายเดินทางกลับในช่วงค่ำ โดยตัวของนายบอย อ้างว่าจะขออาสาขับรถกระบะตามหลังรถจักรยานยนต์ของสามี เพื่อที่จะได้มีแสงสว่างเพียงพอระหว่างเดินทางกลับบ้าน แม้สามีของเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ทางนายบอย ก็อาสาที่จะไปส่งให้ได้ แม้แต่ตอนที่สามีจอดแวะเติมน้ำมันรถ นายบอย ก็ยังจอดรอ พอสามีขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากร้านได้ประมาณ 8 กิโลเมตร สิ่งที่สามีเห็นครั้งสุดท้ายคือแสงไฟจากด้านหลัง ก่อนจะถูกรถชนเข้าอย่างจังจนสลบ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนเรียกให้ตื่นแล้ว
ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทุกคนในครอบครัวต่างก็คิดว่าเป็นอุบัติเหตุ โดยสามีต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 4 คืน และกลับมารักษาตัวที่บ้านนานกว่า 1 เดือน เหตุการณ์ถูกรถชนในครั้งนี้เธอก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่สุดท้ายตั้งแต่ปี 2565 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้ (ตำรวจบอกว่าคนร้ายหลบหนี) จนล่าสุดก่อนที่เธอจะได้ออกมาขอความช่วยเหลือจากต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เธอได้ไปคัดขอสำนวนที่โรงพัก ทางตำรวจจึงมีการแจ้งว่าจะขอให้มาสอบปากคำอีกครั้งในเรื่องของคดีดังกล่าว
นอกจากนี้ตอนที่เกิดอุบัติเหตุรถชนบริเวณที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดของรัฐติดอยู่ไว้หลายตัว แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดเสียทุกตัว แต่ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากกล้องของเอกชน ซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 400 เมตร ในกล้องวงจรปิดเวลา 20:05 น. จะเห็นว่าขณะที่รถจักรยานยนต์ของสามีขี่อยู่บนถนน ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็จะเห็นว่ามีรถกระบะขี่ตามมาติดๆ แล้วหลังจากนั้นไม่มีรถคันอื่นขับมาเส้นทางดังกล่าวเลย นั่นจึงทำให้เธอเข้าใจและสงสัยมาโดยตลอดว่าคนที่ขับรถชนสามีของเธอ ก็คือนายบอย คนที่อาสาขับรถตามท้ายมาส่งสามีที่บ้าน และพอสืบทราบไปมากกว่านั้น พบว่านายบอย เป็นตำรวจอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาด้วย

สองผัวเมีย ตัดสินใจทำประกันชีวิต แต่เจอเรื่องโป๊ะแตกชื่อตัวเองมีประกัน 50 กรมธรรม์
พอหลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนั้น เธอก็มองว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน กลัวว่าถ้าจากไปแล้วลูกชายกับลูกสาวที่ยังเล็กจะอยู่ลำบาก จึงได้มีการพูดคุยกับสามีว่าจะทำประกันเอาไว้ โดยผู้ที่เป็นคนรับผลประโยชน์ก็คือลูกสาวและลูกชายของเธอ จนช่วงต้นปี 2566 จึงได้มีการเข้าไปพูดคุยกับตัวแทนเพื่อจะขอทำประกันชีวิต แต่ปรากฏว่าพอใส่ข้อมูลส่วนตัวเข้าไป พบว่าทั้งตัวของเธอ และสามี มีการทำประกันชีวิตเอาไว้แล้วกว่า 50 กรมธรรม์ มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท และจำนวนเงินที่ต้องส่งเบี้ยประกันเฉลี่ยปีละ 2,000,000 กว่าบาท แต่ในขณะนั้นเธอยังไม่ได้สืบเรื่องอะไรเพิ่มเติม
หลังจากทราบเรื่องเธอก็ไม่เคยถามใครเพราะยังอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดกับตัวแทน และรายละเอียดในกรมธรรม์ หลังจากนั้นในช่วงกลางปี 2566 ได้มีโอกาสไปทำบุญร่วมกันกับนางสาววัชรี โดยตัวของนางสาววัชรีได้เอาเอกสารต่างๆให้พระพรหมน้ำมนต์ให้ ปรากฏว่าเธอไปพบใบเสร็จของโรงพยาบาลว่าสามีของเธอได้ไปตรวจร่างกายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2563 แต่ในข้อเท็จจริงแล้วในวันดังกล่าวสามีของเธอยังรับโทษอยู่ในเรือนจำ เป็นไปไม่ได้เลยที่สามีจะเข้าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลในวันดังกล่าว
แชตข้อความแห่งความลับ เวรกรรมที่มึงสั่งฆ่าไอ้โต้ง(สามี)
ต่อมาในช่วงกลางปี 2567 ด้วยความที่นางสาววัชรี เวลาที่มีปัญหากับสามีก็จะชอบมาเล่าให้เธอฟัง แต่มีวันนึงนางสาววัชรีได้มีการแคปแชทที่ได้มีการพูดคุยกับสามีส่งมาให้เธอ ไว้ในแชทจะเห็นเลยว่าสามีของนางสาววัชรี พูดว่า “อย่างที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเวรกรรมที่มึงสั่งฆ่าไอ้โต้ง(สามี) เพราะมันไม่รอชาติหน้า”
ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั่นจึงทำให้เธอเริ่มเอะใจเพราะตลอดที่ผ่านมาทั้งชีวิตของเธอและสามีไม่เคยทำประกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ประกอบกับเห็นใบเสร็จโรงพยาบาล และแชทของสามีนางสาววัชรี เธอก็เลยเริ่มมีการสืบสาวราวเรื่องอย่างจริงจัง เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าประกันกว่า 50 กรมธรรม์ใครเป็นคนทำให้เธอ จนกระทั่งมาทราบว่ามีการทำประกันในชื่อของเธอมูลค่ากว่า 48 ล้านบาท(ยังมีบางกรมธรรม์ที่ยังอยู่ระหว่างขอข้อมูล) คุณสามีมีการทำประกันรวมกว่า 78 ล้านบาท โดยชื่อผู้รับผลประโยชน์พบว่ามีสองคน คือนางสาววัชรี และนางสาวกศิรา ไม่มีชื่อของเธอ ชื่อของสามี และคนในครอบครัวเธอเป็นผู้รับผลประโยชน์เลย
นอกจากนี้พอตรวจสอบรายละเอียดของกรมธรรม์ พบว่าตัวแทนที่ทำประกันเกือบทั้งหมด คือนางสาวพิมพ์พรรณ ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นคู่กรณีในการฟ้องร้องเธอจนต้องเข้าคุก แต่ฉบับอื่นเธอยังไม่ทราบว่าใครเป็นตัวแทนในการทำประกันซึ่งยังอยู่ระหว่างยื่นขอเอกสารรายละเอียดกรมธรรม์กับบริษัทประกันต่างๆ
แต่พอทราบเรื่องเธอก็ก็ยังไม่ได้เข้าไปถามนางสาววัชรีโดยตรง จนฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นหลังจากที่เธอเห็นแชทไม่กี่วันให้หลัง นางสาววัชรี ได้เข้ามามาทวงเงินเธอ นั่นจึงทำให้เธอถามคำถามที่ติดค้างในใจ จนเกิดการเถียงกันไปมาและหลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก

เรื่องราวทั้งหมดมีพิรุธ เชื่อหวังเอาเงินประะกัน 120 ล้านบาท
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเธอมองว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะกรมธรรม์ที่เธอได้ไปขอดูรายละเอียด พบว่ามีการเริ่มทยอยทำขึ้นตอนที่เธอกับสามีอยู่ในเรือนจำ และมีบางกรมธรรม์ที่ทำขึ้นหลังจากที่เธอกับสามีพ้นโทษออกมา / อีกทั้งเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็มีความเชื่อมโยงกับอุบัติเหตุของสามี ซึ่งหากย้อนกลับไปดูรายละเอียดที่เกิดขึ้น ชัดเจนเลยว่าเหตุการณ์ที่สามีถูกรถชนไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจชนให้ตายเพื่อเอาเงินประกัน
นอกจากนี้ในวันที่สามีถูกรถชนนางสาววัชรี ก็มีการชักชวนให้เธอออกไปร่วมกินข้าวกับนายบอยด้วย แต่ตอนนั้นเธอปฏิเสธเนื่องจากต้องดูแลลูกที่เพิ่งคลอด หากเธอเดินทางไปด้วยอุบัติเหตุในวันนั้นอาจจะทำให้เธอหรือไม่ก็สามีเสียชีวิตก็ได้ / หรือไม่หากในวันนั้นสามีของเธอถูกชนจนเสียชีวิต ในวันนี้เธอก็อาจไม่มีชีวิตอยู่เพื่อออกมาร้องเรียนความเป็นธรรมก็ได้
เธอมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินไป เพราะมันคือการตั้งใจฆ่าเพื่อจะเอาเงิน ที่สำคัญบุคคลที่อยู่ในขบวนการเหล่านี้คือญาติพี่น้องกันทั้งนั้น และนอกจากบุคคลที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่เป็นคนที่ใหญ่กว่า เป็นเจ้าของค่ายมวย และเป็นคนมีอิทธิพล โดยในอดีตเธอก็เคยไปยืมเงินบุคคลรายนี้ และถูกบุคคลรายนี้เป็นโจทก์ฟ้องร้องในคดีที่เธอต้องติดคุกด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอมองว่าบุคคลนี้น่าจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ด้วย เพราะตอนที่เธอเข้าไปรับโทษในเรือนจำบุคคลคนนี้เคยขู่เอาไว้ว่าหากออกมาแล้วให้ทำประกันเอาไว้หลายๆฉบับ
นายโสรัจจ์ แรกสกุลชัย ผู้ช่วยเลขาธิการสายตรวจสอบสำนักงาน คปภ. เผยว่า การที่จะทำกรมธรรม์ประกันภัย จะต้อง ต้องให้ผู้ที่ทำประกันภัยลงนามด้วยตนเองเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์นั้นจะต้องเป็น ลูก พ่อแม่ สามีภรรยาตามกฎหมาย เจ้าหนี้ลูกหนี้
หากเป็นสามีภรรรยาจะใช้วิธีการตรวจสอบแบบสุจริตก่อน และหากมีการตรวจสอบภายหลังและพบว่าตัวผู้รับผลประโยชน์นั้นไม่ใช่ภรรยาตามกฏหมายตัวผู้ทำประกันก็มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกผู้เอาประกันได้
เบื้องต้นมีความเชื่อว่าอาจจะมีการปลอมเอกสารบางส่วนเกิดขึ้น และเชื่อว่านางพิมพ์พรรณมีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน เพราะจากที่ได้รู้ข้อมูลมาเป็นการทำกรมธรรม์ผ่านตัวแทนทั้งหมด
ขณะที่ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เผยว่า ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนตัวจึงแนะนำให้ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ.
มองว่าเรื่องเนี่ยมีการทำเป็นขบวนการ พร้อมขอให้สื่อมวลชนไปตรวจสอบว่าเรื่องนี้มีเจ้าของค่ายหมวยชื่อดังมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
เบื้องต้นทาง ต้นอ้อเป็นหนึ่ง เผย พร้อมพาผู้เสียหายเดินหน้าแจ้งความที่กองปราบฯ