อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโต 5 ตัวขย้ำเจ้าหน้าที่ซาฟารีเวิลด์เสียชีวิต พร้อมเข้มมาตรการดูแลสัตว์ดุร้าย
11 ก.ย. 68 ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ แถลงถึงเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซาฟารีจนเสียชีวิตว่า กรมอุทยานฯ จะให้สวนสัตว์สาธิตการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ การวางแผนเผชิญเหตุ และการมีชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วสำหรับเหตุฉุกเฉิน รวมถึงขั้นตอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วย
นอกจากนี้ จะไปตรวจเพิ่มเติมในเรื่องของการครอบครองสัตว์ป่าควบคุม โดยเฉพาะสัตว์ป่าดุร้ายว่า มีการแจ้งครอบครองครบถ้วนหรือไม่ ตามที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งเบื้องต้นก็มีข้อมูลแล้ว และจะดูไปจนถึงสุขภาพสัตว์ และเรื่องการดูแลสัตว์ที่ถูกต้องไม่ให้สัตว์เครียด เพื่อให้มั่นใจว่าการเลี้ยงดูถูกต้อง หากสวนสัตว์เตรียมพร้อมตามมาตรฐานจึงจะอนุญาตให้เปิดโซนสัตว์ดุร้ายได้ ทั้งนี้กรมอุทยานฯ ยืนยันว่ามีการตรวจสอบสวนสัตว์อย่างสม่ำเสมอ อาจเดือนละครั้งหรือสองเดือนต่อครั้ง
นายอรรถพล กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เหตุเกิดหลังเจ้าหน้าที่ให้อาหารสิงโตตามปกติ คาดเป็นพฤติกรรมตามสัญชาตญาณของสัตว์ป่า โดยการเข้าไปจู่โจมในรูปแบบการงับคอ ซึ่งก็จะประสานกับทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานถึงลักษณะของพฤติกรรมของเหยื่อที่โดนทำร้ายเป็นรูปแบบใด
แต่ที่ดูจากคลิปวิดีโอเหมือนเข้าไปขย้ำที่คอ หลังจากนั้นก็เป็นสัญชาตญาณหมู่ของสัตว์ผู้ล่าที่จะเข้าไปช่วยกัน และมีการลากเหยื่อไปรอบ ๆ รถด้วย ถือว่าเป็นสัญชาตญาณผู้ล่าโดยตรง ซึ่งมีความอันตรายสูง
ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือ สิงโต 5 ตัวที่ก่อเหตุ จะต้องถูกกักพื้นที่ในกรงก่อน เพื่อปรับพฤติกรรม เนื่องจากสัตว์มีประวัติทำร้ายคน หากไม่ปรับพฤติกรรมอาจเกิดความเคยชิน ทั้งนี้ ตามหลักแล้วจะมีกฏระเบียบของกรมอุทยานฯ ที่วางมาตรฐานไว้ และในส่วนของสวนสัตว์ 23 ข้อ แต่ถ้าเราทำไปนาน ๆ ไม่มีการซ้อม ไม่รีเช็ก พอทุกคนทำไปด้วยความเคยชิน 5 ปี 10 ปี ก็คิดว่าไม่มีอะไร ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่เองด้วยคือไม่ควรออกมาจากนอกรถเลย

นายอรรถพล ระบุเพิ่มเติมว่า กรมฯ ยังได้สั่งการให้ตรวจสอบการครอบครองสัตว์ป่าดุร้ายทั่วประเทศ โดยสัตว์ต้องถูกเลี้ยงในกรงที่ได้มาตรฐาน หากพบเลี้ยงผิดเงื่อนไขหรือไม่ได้แจ้งจดทะเบียน จะต้องดำเนินคดีทั้งทางอาญาและแพ่ง รวมถึงอาจยึดสัตว์ไปดูแลต่อที่กรมอุทยานฯ ซึ่งผู้ครอบครองต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ปัจจุบันมีสัตว์ป่าที่ขึ้นทะเบียนกับกรมอุทยานฯ กว่า 620 ตัว และตั้งแต่ปี 2567 ได้มีคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ป่าดุร้ายเพิ่มเติม เนื่องจากเพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงในประเทศแล้ว
