จับชาวประมง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว ชาวบ้าน อำเภอ กาญจนดิษฐ์ จว.สุราษฎร์ธานี ล้อมรถยนต์ ผู้อ้างตัวเป็น จนท.ตร. เข้าไปจับกุมชาวประมง พื้นบ้านและเรียกเงินเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ไม่ถูกดําเนินคดี นั้น
ได้รับรายงานจาก กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ว่าเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 17.30 น. สภ.กาญจนดิษฐ์ จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สส.ภ.8 จำนวน 3 นาย ได้เข้ามาทำการตรวจสอบทำประมงผิดกฎหมาย(หอยแครง) ในพื้นที่และขณะทำการตรวจสอบได้เกิดการเข้าใจผิดกับชาวบ้านในชุมชุน จึงได้ถูกชาวบ้านซึ่งเป็นชาวมุสลิม กว่า 300 คน ปิดล้อม รถโตโยต้า ฟอจูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กจ 792 สุราษฎร์ธานี ของ จนท.ตร. จนไม่สามารถออกมาได้ จึงขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ สนับสนุนมาที่เกิดเหตุ โดยได้เจรจาเบื้องต้นกับผู้ชุมนุมปิดล้อม แต่ไม่สามารถเจรจาได้
โดยชาวบ้านเรียกร้องให้ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตกำนันตำบลทุ่งกง อ.กาญจนดิษฐ์ จว.สุราษฎร์ธานี เป็นคนกลางเข้ามาเจรจา และเมื่อได้ประสานติดต่อให้มา ทำการเจรจากับชาวบ้าน ผลการเจรจาจบลงด้วยดีโดยชาวบ้านยอมเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ ตร.ที่ถูกปิดล้อมได้ แต่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวต้องไม่เข้ามาในพื้นที่อีกต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ดังกล่าว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สส.ภ.8 จริง ซึ่ง พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผบช.ภ.8 จะมีคำสั่งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติหน้าที่ยัง ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ศปก.ภ.8) พร้อมมีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยหากพบว่ามีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ มีการเรียกรับเงินเพื่อให้ไม่ถูกดําเนินคดีตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม พร้อมเน้นย้ำ คณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง เร่งคลี่คลายข้อสงสัยและให้ความกระจ่างแก่สังคม
และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้นจริง ซึ่งถือว่า มีความประพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์ หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ขูดรีดประชาชน ให้เร่งดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กระทำผิดกฎหมายเสียเอง ประกอบกับ ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นฐานปล่อยปละละเลย ไม่สอดส่องดูแลความประพฤติผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น