กรมชลประทานชี้แจงกรณี ชาวบ้านอำเภอหนองเสือ และอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ร่วมกันติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำที่ 11 เนื่องจากเกษตรกรในคลองซอยต่าง ๆ ต้องการน้ำเพื่อใช้เลี้ยงพืชผลทางการเกษตร แต่ระดับน้ำภายในคลองแห้งขอด พืชผลกำลังจะยืนต้นตายจึงจำเป็นต้องสูบน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์เข้ามายังคลอง 11 เพื่อให้เกษตรใช้น้ำได้
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว อยู่ในอำเภอหนองเสือ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นพื้นที่รับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ โดยรับน้ำจากคลองระพีพัฒน์ผ่านทางประตูระบายน้ำที่ 7 -12 ทั้งนี้ จากสถานการณ์ภัยแล้งในปัจจุบันส่งผลให้ได้รับการจัดสรรน้ำต่ำกว่าแผนที่กำหนดไว้
เบื้องต้น กรมชลประทานได้ประชุมร่วมกับ รองผู้ว่าจังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานระดับจังหวัด รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น และตัวแทนเกษตรกรจากคลอง 7- 12 สายบน เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการการสูบน้ำจากคลองรังสิตฯเข้ามาเติมคลองในพื้นที่ พร้อมกำหนดรอบเวรการใช้น้ำร่วมกัน ซึ่งจะแบ่งรอบเวร ออกเป็น 3 รอบ รอบละ 2 วัน โดย รอบที่ 1 จะสูบเข้าคลองระบายน้ำที่ 9 และคลองระบายน้ำที่ 10 รอบที่ 2 จะสูบเข้าคลองระบายน้ำที่ 7 และคลองระบายน้ำที่ 8 และรอบที่ 3 จะสูบเข้าคลองระบายน้ำที่ 11 และคลองระบายน้ำที่ 12 ตามลำดับ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทำเครื่องหมายกำหนดระดับไว้ หากต่ำกว่า -0.20 ม.รทก. ต้องหยุดทำการสูบ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถนนรังสิต-นครนายก เกิดการแตกร้าวและทรุดตัว พร้อมขอความร่วมมือไปยัง อำเภอ และผู้นำขุมชน ให้ช่วยกันสอดส่องดูแล ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือเกษตรกรให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดการใช้น้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งมีน้ำใช้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการลำเลียงน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาเติมในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ตามศักยภาพที่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ต้องดูจาก ระดับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา การขึ้นลงของน้ำทะเล และค่าความเค็มที่สถานีสูบสำแล ประกอบด้วย
ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะเฝ้าตรวจสอบและติดตามการช่วยเหลือ พร้อมตรวจวัดค่าความเค็ม ทุกสัปดาห์ เพื่อนำมาปรับแนวทางการช่วยเหลือให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ ลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเกษตรให้ได้มากที่สุด
