ส.ส.ก้าวไกล เผย อบรมครูสอนประวัติศาสตร์ใช้ ทหาร ไม่คุ้มค่า-เพิ่มภาระครู

ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เผย โครงการอบรมครูสอนประวัติศาสตร์ที่ สพฐ. ใช้ทหาร เป็นวิทยากร ไม่เหมาะสม เป็นการสอนแบบยัดเยียดท่องจําด้านเดียว

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ จำนวน 245 เขต จัดอบรมครูสอนประวัติศาสตร์ ให้ทหารเป็นวิทยากร ชี้ไม่คุ้มงบประมาณ เพิ่มภาระงานครู

กรณีผู้ใช้ X เพจ พรรคก้าวไกล – Move Forward Party ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “[ แบบนี้ก็มีด้วย?! อบรมครูสอนประวัติศาสตร์ ให้ทหารเป็นวิทยากร ชี้ไม่คุ้มงบประมาณ เพิ่มภาระงานครู ] จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกคำสั่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ จำนวน 245 เขต จัดครูสังคมศึกษาให้เข้าร่วมอบรมการสอนวิชาประวัติศาสตร์โดยมีวิทยากรเป็นทหารและกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาการสอนประวัติศาสตร์หรือการสอนสังคมศึกษาโดยตรง

ปารมี ไวจงเจริญ AjJuang สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า โครงการอบรมครั้งนี้อาจไม่เหมาะสมนัก เพราะจะกลายเป็นการอบรมให้สอนประวัติศาสตร์แบบยัดเยียดท่องจำแต่เพียงด้านเดียว ไม่ใช่การสอนประวัติศาสตร์ตามแบบนานาอารยประเทศเขาสอนกัน ที่ต้องเน้นกระบวนการถกเถียงวิเคราะห์อย่างรอบด้านทุกมิติ

ทั้ง ๆ ที่เราต้องการให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าแสดงออก รู้จักคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า แต่เรากลับสอนวิชาประวัติศาสตร์แบบยัดเยียดท่องจำแต่เพียงมิติเดียว การศึกษาที่เรามุ่งหวัง และความหวังให้เยาวชนมีพลังสร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศ จึงสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

อีกประการหนึ่ง เหตุใดกระทรวงศึกษาธิการไม่ใช้วิทยากรที่เป็นครูสอนประวัติศาสตร์ที่เชี่ยวชาญและมีสมรรถนะด้านนี้โดยตรงซึ่งมีอยู่มากมายในโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัด สพฐ. หรือบรรดาอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาประวัติศาสตร์โดยตรง มาเป็นวิทยากรอบรม นอกจากเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ การให้ครูเข้าร่วมอบรมกับผู้ที่ไม่มีสมรรถนะและทักษะด้านการสอนประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นศาสตร์เฉพาะด้าน ปารมีเห็นว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่คุ้มกับงบประมาณและทรัพยากรที่ลงทุนไป และยังเป็นการเพิ่มภาระงานครู ดึงครูออกนอกห้องเรียนอีกด้วย หลังจากนี้ ปารมีจะใช้กลไกกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เรียกผู้บริหาร สพฐ. เข้าชี้แจงให้กระจ่างต่อไป”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ลงในโซเชียล ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันอย่างมากมายอาทิ เช่น “ทหารไทยจะกล้าพูดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการต่างๆทางประวัติศาสตร์หรือใม่?” “ไม่ผิดหรอกทหารสอนเด็กให้รักชาติ แต่ผิดที่พรรคการเมือง … สอนให้เกลียดชาติตัวเอง” “ทหารไปสอนประวัติศาตร์ เอาเรื่องยุทธวิธีในหน่วยให้ได้คุณภาพก่อนเถอะ” “เอาทหารไปปราบ3ชายแดนใต้ให้สงบให้ได้ก่อน มีศักยภาพหรือเปล่า #หน้าที่ทหารหรือตำรวจ ผ่านมากี่ยุคละ” “เป็นครูจะเข้าใจดีวิธีนี้ไม่เป็นผล เด็กตอบตามตำราให้ได้มาคะแนนสอบผ่าน ความรู้อยู่นอกม่านเด็กรู้อ่านขวนขวายได้เอง เสียเงินเสียเวลาเสียทรัพยากรเสียความรู้สึก” “องค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ นักวิชาการ โดยตรง มีเยอะค่ะ” “มีแต่คอมมิวนิสต์ ที่กลัวคนรักชาติ เพราะถ้ารักชาติ ทุกคนจะสามัคคีปองดอง คอมมิวนิสต์จะเข้าไปทำลายกฎแพงนั้นยาก คอมมิวนิสต์จึงมุ่งทำให้คนแตกแยกความสามัคคีพอคนในชาติออ่อนแอคอมมิวนิตส์จึงฉวยโอกาสยุยงปลุกปั่นทำให้ขาดความรักสามัคคี” เป็นต้น