พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย เปิดใจพูดครั้งแรก ต้องทนรับมานับ 10 ปีต่อให้ต้องทรยศอีก 40 ครั้ง ก็ไม่ลังเลที่จะทำ ละครเรื่องนี้ฉากใกล้จะจบแล้ว ลั่นสู้เพื่อเอาชนะวิธีสกปรก
31 ธ.ค. 68 พ.ต.อ. ภาคภูมิ พิศมัย อดีตรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และอดีตนายตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงและชี้แจงถึงสาเหตุการตัดสินใจเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญ โดยระบุว่า ในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่มีความจำเป็นต้องทำเพื่อความถูกต้อง
“ผมเห็นน้อง ๆ ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเดือดร้อน ถูกบีบให้ต้องรับผิดแทน และยังส่งผลกระทบไปถึงครอบครัวของบุคคลเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในคลิปหลักฐานที่นำมามอบให้ตำรวจ เพื่อป้ายสีให้ผมต้องเป็นผู้กระทำผิด รวมถึงคลิปอื่น ๆ ในอีกหลายคดี นี่คือสาเหตุหลัก ที่ผมต้องออกมาเพื่อยุติเรื่องราวเหล่านี้” พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการออกมาให้ข้อมูล เพื่อแลกกับการได้กลับเข้ารับราชการตำรวจ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมบอกว่า ในช่วงแรกที่เกิดเรื่อง ตนเคยทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอลาออกจากราชการและออกมาต่อสู้คดีในฐานะประชาชน แต่เนื่องจากติดเงื่อนไขคดีวินัยร้ายแรงจึงไม่สามารถลาออกได้ ต่อมาถูกคำสั่งให้ออกจากราชการในเวลาต่อมา ที่ผ่านมา พวกผมไม่เคยเรียกร้องให้กลับเข้ารับราชการ มีแต่เดินหน้าสู้คดีทั้งอาญาและวินัย เพื่อให้ได้กลับมารับราชการ คนที่มีพฤติกรรมอย่างนั้น สังคมคงเห็นอยู่แล้วว่าเป็นใคร
ส่วนกรณีมีตำรวจถูกทำร้ายร่างกาย พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ตนเคยเห็นบางเหตุการณ์ และมีพยานคนอื่นเห็นในบางเหตุการณ์ โดยขณะนี้พยานเหล่านั้นได้เข้าให้การแล้ว แม้จะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยและการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แต่จะต่อสู้อย่างเปิดเผย เพื่อเอาชนะวิธีสกปรก
พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ 2 วัน มีความพยายามติดต่อผ่านคนรู้จัก เพื่อขอเจรจา แต่เมื่อตนปฏิเสธการติดต่อ ก็เริ่มมีขบวนการ IO เข้ามาโจมตีครอบครัวและพ่อแม่ของผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดความคาดหมาย น้อง ๆ บางคนที่กลัวอาจจะขอคุ้มครองพยาน แต่ตนไม่กลัว
“ในวันที่ตัดสินผมรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร เพราะรู้วิธีการกันอยู่ ยืนยันว่าไม่ได้ขายนาย และยังคงเคารพในฐานะผู้บังคับบัญชา ระลึกถึงสิ่งที่เคยสนับสนุน แต่ต้องแยกแยะระหว่างบุญคุณ กับความถูกต้อง หากการพูดความจริงช่วยผู้อื่นให้ได้รับความเป็นธรรมและหลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่ต้องทนรับมานับ 10 ปี ต่อให้ต้องทรยศอีก 10 ครั้ง ตนก็ไม่ลังเลที่จะทำ
เมื่อถามว่า จะฝากข้อความอะไรถึงอดีตผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวว่า ท่านคงรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งไหนจริงสิ่งไหนเท็จ ละครเรื่องนี้ฉากใกล้จะจบแล้ว สุดท้ายหนีความจริงไม่พ้น
ในส่วนของรายละเอียดทางคดีและเอกสารหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์ระหว่างอดีตรอง ผบ.ตร. กับ กรรมการ ป.ป.ช. นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ ขอให้รอการแถลงข่าวใหญ่ของตำรวจในวันที่ 5 ม.ค.69 ซึ่งจะมีความชัดเจนทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน