-
เปิดมุมมองชีวิตในวัย 53 ปี ของ จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ เสื้อแดง
-
ผ่านการเป็นนักโทษมาแล้ว 4 ครั้ง
-
มีคดีที่รอตัดสินในปัจจุบันอีก 6 คดี
-
หนึ่งในนั้น คือคดีก่อการร้าย จากการชุมนุมในปี 53 ที่มีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ประสบการณ์บนเส้นทางการเมืองเกือบ 30 ปี ทำให้ความคิดของ จตุพร พรหมพันธุ์ ในปี พ.ศ. 2562 นี้ เปลี่ยนไปอย่างไรจากในอดีตจากที่เป็นแกนนำ เสื้อแดง บ้าง ติดตามได้จากสัมภาษณ์พิเศษโดย ยุคล วิเศษสังข์ ในรายการ ทุบประเด็น ไบรท์ทีวีช่อง20
“ผมไม่เคยคิดถึงระบอบอื่น ผมมีความเชื่ออย่างเดียว คือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข และผมก็ยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด”
“แต่ว่าการต่อสู้ในช่วงนับสิบกว่าปีท่ีผ่านมา เรามีความแตกต่างกันทางความคิด ผมพยายามจะร้องขอว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างกันนั้นก็ยังดำรงอยู่ต่อไปได้ แต่ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น จะต้องเทิดไว้เหนือหัว”
นี่คือคำตอบของ จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อ ยุคล วิเศษสังข์ ถามถึงความคิดในใจที่เกิดขึ้น ในวันที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง กับวันที่มาสมัครเป็นอาสาสมัครจิตอาสาใส่เสื้อสีเหลือง ว่าใน 2 ห้วงเวลานี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร
ยุคล : ทำไมมีคนจำนวนหนึ่งมองว่า นี่เป็นการกลับตัวกลับใจ?
จตุพร : ในแก่นแท้ของผม หากไปที่บ้านผมเนี่ย บูรพมหากษัตริย์ของไทยแทบทุกพระองค์ที่เป็นมหาราช มีพระบรมรูปเต็มบ้าน และไม่ใช่เพิ่งจะมี มีมานานแล้ว และผมก็ปฏิบัติเฉกเช่นนี้มานาน เวลานายทหารมาที่บ้านในช่วง 5 ปีนี้ ผมก็พาไปกราบบูรพกษัตริย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพียงแต่ว่าเราได้ถูกปักใจเชื่อ ว่าเป็นคนเช่นนี้ ทั้งที่ตัวเราก็ไม่ได้เป็นตามข้อกล่าวหา คิดกันไปเอง ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก และก็ยืนหยัด ไม่เปลี่ยนแปลง
ยุคล : อะไรคือเหตุผลในการตัดสินใจเข้าไปเป็นจิตอาสาทำความดี
จตุพร : พื้นฐานของผม เป็นเด็กวัดบวรนิเวศฯ พี่ชายเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินในฐานะประชาชนตั้งแต่วัยเด็ก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมได้ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองมากว่า 30 ปี ผมเองก็แลเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ กับ ประเทศไทยนั้นเป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้นการสมัครเป็นจิตอาสา ก็เพราะอยากเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยากจะร่วมทำความดี ตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าแผ่นดิน ถือว่าเป็นภารกิจของคนไทย และได้น้อมนำพระกระแสรับสั่งมาปฏิบัติ
ยุคล : ถ้าย้อนกลับไปที่การชุมนุมครบรอบ1ปี ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย การปราศรัยครั้งนั้น เกือบจะทำให้คุณจตุพรถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 จากคำพูดในวันนั้น ทำให้คนส่วนหนึ่งรู้สึกว่า คุณจตุพรก้าวล่วง หมิ่นต่อพระบรมเดชานุภาพ แต่ในวันนี้ สิ่งที่คุณจตุพรแสดงออก มันสวนทางกับวันนั้น อย่างชัดเจน ตรงนี้จะว่ายังไงครับ
จตุพร : ในวันนั้น ถ้าฟังทุกถ้อย ทุกคำ ผมวิพากษ์วิจารณ์ ผู้มีอำนาจรัฐ ในขณะนั้น คือรัฐบาล นั่นเป็นเจตนาโดยตรง เพราะฉะนั้นเป็นการเตือนรัฐบาล ไม่ได้มีเจตนาจะไปก้าวล่วงใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญที่สุด เราทุกคนต่างเป็นพสกนิกร สถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกคนต้องเทิดไว้เหนือหัว ความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง ให้เป็นเรื่องของสามัญชน นักการเมือง ประชาชนว่ากัน แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกฝ่ายต้องเทิดไว้เหนือหัว ไม่ควรจะก้าวล่วง ถ้าเราปฏิบัติกันอย่างนี้ บ้านเมืองเราก็จะไปได้
ยุคล : พรรคการเมืองบางพรรค ที่กำลังถูกโจมตี เกี่ยวกับความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องการจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ตรงนี้คุณจตุพร มองยังไง
จตุพร : ผมมองว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหา ก็ต้องชี้แจง และประชาชนก็ใช้วิจารณญาณในการตัดสิน ผมไม่ต้องการให้บรรยากาศของบ้านเมือง ตกอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหา ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ชัดเจน ต่างคนต่างมีหน้าที่ ถ้าเรื่องนี้ไม่มีเลย ก็จะเป็นเรื่องดีของประเทศไทย เราต่างเป็นพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดิน
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังได้ให้สัมภาษณ์ในอีกหลากหลายประเด็น เช่น เรื่องการแสดงออกในอดีตของนักการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่มีความหมิ่นเหม่ต่อสถาบันเบื้องสูง รวมถึงประเด็นที่นายธนาธร ได้เดินสายไปพบกับนักข่าว นักสิทธิมนุษยชนที่ต่างประเทศ ว่าเป็นการดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ และจุดยืนในปัจจุบัน ที่สวนทางกับอดีตนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร นั้น จริงหรือไม่
ติดตามชมรายการทุบประเด็นย้อนหลัง
จตุพร เปิดจุดยืนชัดเจน ยืนข้างสถาบันมาตลอด
มุมมอง จตุพร ต่อพรรคอนาคตใหม่ กับการถูกมองว่าไม่จงรักภักดี
เปิดเผยชีวิตในคุก ทอมดันดี โดย จตุพร พรหมพันธุ์
อ่านเพิ่มเติม
เรือนจำพิเศษ ปล่อยตัว ทอม ดันดี
ติดตามข่าวสารผ่านเพิ่มเติมทางfacebook Bright TV