ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้อง”อภิสิทธิ์-สุเทพ” สั่งสลายการชุมนุม นปช.ปี53 ชี้DSIไร้อำนาจสอบสวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อฟังคำสั่งการวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายของศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
สืบเนื่องจากการออกคำสั่ง ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถนนราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ชุมนุมตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง 19 พฤษภาคม 2553 มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้ยกฟ้องโดยไม่รับสำนวนคดีไว้พิจารณา ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้เป็นอำนาจของ ปปช.ที่จะต้องทำการไต่สวนและยื่นฟ้องคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มิใช่อำนาจของ ดีเอสไอ ที่จะทำสำนวนส่งอัยการ ฟ้องศาลอาญา เนื่องจากคดีสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอน รธน.- พ.ร.บ.ว่าด้วย ปปช.ปี 2542 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องเนื่องจากคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลแล้ว คดีจึงถึงที่สุด
นายสุเทพ ยังกล่าวถึง กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นทวิตเตอร์ว่าไม่มีความเลวร้ายใดที่ยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรมตัวเองกลับเห็นว่าไม่มีอะไรเลวร้ายกว่ารัฐบาลที่อ้างประชาชนและใช้อำนาจหน้าที่ทำร้ายประเทศชาติและประชาชน และปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มาฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว โดยระบุเพียงว่า ให้ไปหาตัวให้ได้ก่อน
แฟ้มภาพม็อบนปช.ปี53