อัยการสั่งฟ้อง 18 นักเคลื่อนไหว — จากกรณีที่ อัยการได้มีคำสั่งฟ้อง 18 นักเคลื่อนไหว ที่เข้าร่วมชุมนุม 19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.2563 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ทั้งนี้ 18 นักเคลื่อนไหวโดยอัยการสั่งฟ้องทั้งหทด 11 ข้อหาดังนี้
1.มาตรา 112 หมิ่นสถาบันกษัตริย์
2.มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น
3.มาตรา 215 มั่วสุมตั้งเเต่ 10 คนขึ้นไป
4.จัดชุมนุมในที่สาธารณะ
5. ฝ่าฝืน พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ
6.ฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง พ.ร.บ. ควบคุมโรค
7.กีดขวางทางสาธารณะ กีดขวางการจราจร
8. ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ
9.ทำลายโบราณสถานฯ
10. ทำให้เสียทรัพย์ฯ
11.ร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
อัยการมีคำสั่งฟ้อง 18 นักเคลื่อนไหว ร่วมชุมนุม 19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ผิดม.112 ม.116 และม.215
ทั้งนี้ ในจำนวนนักเคลื่อนไหวทั้งหมด 18 คน มี 15 คนที่ถูกตั้งข้อหา 10 โดยไม่ถูกต้องข้อหาความผิดในมาตรา112 มีแต่เพียงน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดินจะมีข้อหา 112 เพิ่ม
ขณะที่ไมค์ ระยองได้กล่าวหลังทราบว่าอัยการมีคำสั่งฟ้องว่า วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราทุกคนได้เพาะเมล็ดพันธ์ุต้นกล้าประชาธิปไตยไว้กับทุกคนแล้ว เชื่อว่าจะคงอยู่และมวลชนจะเดินหน้าต่อไป และไม่ว่าพวกเราจะอยู่หรือจะโดนขังในคุกก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งขบวนการ ประชาธิปไตยได้
ด้านรุ้ง ปนัสยาก็ได้เปิดใจว่า ตนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ นอกจากนี้ ตนก็เตรียมใจมาเรื่องผลการประกัน แม้สุดท้ายจะต้องเข้าคุกไปก็จะไม่ห่วงเลย เพราะเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วคนที่อยู่ข้างนอก เขาก็ยังต่อสู้กันอยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องมีเราเขาถึงจะสู้กันได้ เพราะฉะนั้นตนไม่ห่วงเลย ส่วนพ่อแม่ก็จิตใจเข้มแข็ง และเตรียมใจมาพอสมควร ตั้งแต่เข้าคุกไปครั้งแรก โดยตนได้ฝากฝังทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ทั้ง รุ้ง ปนัสยายังปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับแกนนำรุ่นใหม่ต่อจากนี้ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาในการดูแล และร่วมต่อสู้ไปกับทุกคน นอกจากนี้ยังได้ทวีตข้อความว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนี้ ขอให้ทุกคนสู้กันต่อไป พวกเราก็จะสู้อยู่ตรงนี้ เคียงข้างทุกคนจนกว่าจะชนะ”
ขอบคุณภาพ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน