อมรัตน์ เผย “รัฐสภา-ศาล-อัยการ-องค์กรอิสระ” ไม่โอนงบร่วมแก้โควิด – ชี้ ต้องพิสูจน์ความจริงใจ ออก พ.ร.บ. โอนเพิ่มได้อีกถึง 3,500 ล้าน
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา ร่วมอภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 โดยระบุว่า เป้าหมายการโอนงบกลับเข้างบกลางในขั้นแรกของคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ที่เคยตั้งไว้ที่ 100,350 ล้านบาท แต่แล้วกลับโอนได้เพียง 88,000 ล้านบาท คำถามที่เกิดขึ้นคือ 12,000 ล้านบาทหายไปได้อย่างไร และหายไปไหน? ตนพบว่า ส่วนที่หายไปไม่เข้าเป้านี้เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพและไม่มีความจริงใจในการบริหารจัดการของรัฐบาลไม่น้อยว่า 4,000 ล้านบาท เม็ดเงินดังกล่าวซึ่งควรจะจัดให้โอนคืนมาช่วยเยียวยาพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากโควิด-19
อมรัตน์ กล่าวว่า สำหรับ 4 หน่วยงานที่ไม่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนในวิกฤตครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ และรัฐสภา รวมแล้วได้รับงบประมาณปี 2563 ไปทั้งสิ้น 47,716 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับรัฐสภา ในฝั่งของสภาผู้แทนราษฎร จริงอยู่ที่มีการงดกิจกรรมหลายอย่าง งดการไปศึกษาโครงการที่ต่างประเทศ เพื่อประหยัดงบและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปเยียวยาพี่น้องประชาชน แต่แล้วก็พบว่าไปไม่ถึงปลายทาง ตนไม่เห็นความพยายามของประธานสภาในส่วนนี้เลย ในด้านวุฒิสภา มีการเสนอโอนงบคืนในสัดส่วนที่น้อยกว่าฝั่งสภาผู้แทนราษฎรเสียอีก
ทั้งๆ ที่ผ่านวุฒิสมาชิกหลายคนแทบจะไม่เคยเข้าประชุมเลย โดยเฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้งนี้ แม้แต่ละท่านได้ทำหนังสือคืนเงินเดือนมาเรียบร้อยแล้วรายละล้านกว่าบาท แต่ก็ยังเหลือส่วน ผู้ช่วยวุฒิสมาชิกอีก 8 คน รวมกันแล้วเดือนละแสนกว่าบาท ตนจึงขอตั้งคำถามไปยังประธานวุฒิสภาว่า ทำไมไม่มีการโอนงบในส่วนนี้ด้วย
“สำหรับหน่วยงานศาล ได้แก่ ศาลยุติธรรม, ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับงบประมาณรวมกัน 21,184 ล้านบาท เบื้องต้นในร่างแรกได้เสนอว่าจะส่งคืนกลับมาประมาณ 1% ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่น แต่แล้วก็ไม่ได้โอนกลับมาแม้แต่บาทเดียว ซึ่งในส่วนที่สามารถตัดออกไปได้ทั้งหมดคือ งบสร้างบ้านพักตุลาการและที่ทำการศาล รวม 562.5 ล้านบาท เพราะเป็นการกินหรูอยู่สบายในขณะที่ประชาชนกำลังจะอดตายทั้งประเทศ ในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญ เสนอให้ตัดงบโครงการปรับปรุงบ้านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ 193 ล้นบาทไปได้เลย
ทั้งนี้ ได้เสนอว่า ในอนาคตประเทศไทยควรมีช่องและกลไกการตรวจสอบการใช้อำนาจของศาลและองค์กรอิสระได้มากกว่านี้เหมือนกับต่างประเทศ ด้านองค์กรอิสระ ซึ่งได้รับงบรวมกันมากถึง 17,000 ล้านบาทกว่าๆ แต่ก็มิได้มีส่วนร่วมในการโอนงบคืนเพื่อช่วยเหลือประชาชนเลย เช่น กกต. และ ปปช. โดยทั้งหมดเป็นงบใช้จ่ายบุคลากรหรืออุปกรณ์หรือการอบรมที่ไม่ได้ใช้จริง ถ้าหากพิจารณารายละเอียดกันดีๆ สามารถตัดและโอนงบจากหน่วยงานสองแห่งนี้ได้หลายพันล้านบาท” อมรัตน์กล่าว
อมรัตน์กล่าวว่า จากมติ ครม. ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีการมีข้อสังเกตว่า หน่วยงานทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นสามารถโอนงบผ่านการทำร่าง พ.ร.บ. ส่งคืนเงินที่ได้เบิกจ่ายจากคลังไปแล้วได้ภายในปีเดียวกัน หากมีความจริงใจและตั้งใจมีส่วนร่วมบรรเทาความเดือดร้อนภายในประเทศ จะสามารถโอนคืนมาได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท น่าเสียใจ ที่หน่วยงานทั้งหมดนี้ เป็นองค์กรที่มีอำนาจทั้งทางนิติบัญญัติและทางตุลาการ แต่ไม่ได้มีความพยายามที่จะแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดจากการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาเลย ทั้ง ๆ ที่การแก้ไขเพียงเสนอมาทำเป็น พ.ร.บ. และคิดว่าพวกเราทุกคนจะรีบยกมือผ่านให้ท่านได้แบบ 3 วาระรวดเลย เพื่อให้เงินก้อนนี้ไปถึงมือพี่น้องประชาชนเร็วที่สุด
