วานนี้ 10 ส.ค. 66 ในรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้เข้ามาร่วมพูดคุย และวิเคราะห์ถึง การที่ พรรคเพื่อไทยมาขอเสียงก้าวไกล ให้โหวตเพื่อไทยเป็นนายกฯ โดยในบางช่วงบางตอนของรายการคุณอมรัตน์ นั้นได้กล่าวถึงเปอร์เซ็นที่จะออกเสียงว่า โหวตหรือไม่โหวต โดยคุณอมรรัตน์ได้กล่าวว่า
เราเป็นน้องใหม่การเมือง ก็อยากทำงาน ไม่อยากเป็นตัวประกอบในรัชดาลัย อยากให้การเมืองร่วมตัวกันด้วยอุดมการณ์ ไม่ใช่ผลประโยชน์
ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเราอ่อนแอที่สุด เราก็ชนะการเลือกตั้งขนาดนี้ แต่ก็ละทิ้งโอกาส ถ้าต่อสู้ ถ้ายังจับมือกัน ใครๆก็มาเป็นนายกฯไม่ได้ ถ้า 8 พรรคยังรวมกันเหมือนเดิมใครๆก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่คุณก็เลือกที่จะปล่อยมือ เสียใจแทนพี่น้องประชาชนมากๆ ตอนนี้คนในพรรคก็ผิดหวัง เราสูญเสียประธานสภาฯ สูญเสียนายกฯ สูญเสียการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งๆที่เราเป็นพรรคอันดับ 1 แต่เราสูญเสียไปหมดแล้ว เพราะการเล่นเกมการเมือง
เราเชื่อในสัจจะวาจาของเพื่อนในฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน ถึงแม้จะมีคลาดแคลงใจบ้างในช่วงทำสัญญา MOU มีสัญญาณหลายๆอย่าง แต่คนเราก็พยายามคิดว่าคนเรามันมีศักดิ์ศรี
คนที่เราแคร์ที่สุดคือประชาชน
คนที่เราแคร์ที่สุดคือโหวตเตอร์ คือประชาชนที่ไปเลือกตั้ง ตอนนี้เราไม่ได้ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย แล้วจะมาหลอกให้เราเป็นแพะรับบาป ให้เราไปโหวตให้ ทั้งๆที่โหวตเตอร์เราได้สั่งเรามาในทุกช่องทางว่าไม่ให้โหวตให้ ทั้งทางออนไลน์ สส. เป็นร้อยคนที่ลงพื้นที่ มีเสียงสะท้อนมาจากทุกช่องทางว่ามีความแค้น ความเจ็บใจ ที่สร้างความผิดหวังให้เขาอย่างนี้ ถ้าเรายังไปโหวตให้เเพื่อไทยอีก ขัดคำสั่งของเจ้านายเราคือประชาชน โหวตเตอร์เราสั่งมาแบบนี้ ถ้าเราสูญเสียพี่น้องประชาชนไปด้วย เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย เราไม่ได้ตัดสินใจเพียงลำพัง เรากลับไปถามแล้วเสียงมันออกมาชัดเจนที่สุด
เมื่อถามว่า ตกลงก็ชัดเจนแล้วว่าจะไม่โหวตให้เพื่อไทย คุณอมรัตน์ได้ตอบว่า “มีแนวโน้มสูงที่จะไม่โหวต เท่าที่ฟังเสียงสะท้อนมา 80% บางคนก็บอกว่าจะไม่มาเลือกตั้งบ้าง จะไปประท้วงหน้าพรรคบ้าง ส่วนอีก 20% ที่เหลือ เขาก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของพรรค พรรคว่ายังไงก็ว่าตามกัน”
“คุณได้ทำลายโอกาสที่จะปิดสวิตช์ 3 ป. ปิดสวิตช์การสืบทอดอำนาจ แทนที่คุณจะลุกขึ้นสู้ร่วมกัน เราก็รู้อยู่แล้วองคาพยพเขามีทั้งองค์กรอิสระ มีทั้งศาล ในเมื่อผลการเลือกตั้งมันเป็นเอกฉันท์ ชนะเป็นเอกฉันท์ 70:30 แล้ว มันก็ต้องร่วมกันลุกขึ้นสู้ มันเป็นเวลาของการต่อสู้ ที่ใกล้เคียงชัยชนะ ไม่ใช่เวลาของการถอยและก็หมอบ ไม่เกรงใจประชาชน แต่ไปเกรงใจ “ผู้มีอำนาจ” ไปเกรงใจ สว.” คุณอมรัตน์กล่าว
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY