อนุทิน รมว.สาธารณสุข ยืนยันไม่เคยพูดถอดหน้ากากอนามัย เตรียมเล็งชงเสนอพิจารณา ศบค. ผ่อนคลายสถานการณ์หรือไม่
จากสถานการณ์ โควิด-19 ที่ทำท่าจะส่อแววผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ในช่วง เดือนกันยายน 2565 จนทาง กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการประสานสั่งการสถานพยาบาล เตรียมความพร้อมเรื่องเตียง ยา และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด -19 ระลอกใหม่ รวมถึงผู้เชียวชาญทางการแพทย์ ได้แนะนำประโยชน์ของการสวมหน้ากากอนมัย ที่ยังจำเป็นนั้น
จากกรณีสถานการณ์ดังกล่าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เผยไม่เคยพูด กรณีระยะเวลาการให้ถอดหน้ากาอนามัย พร้อมเผยว่ามีแต่หน่วยงานอื่นพูดเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุข และ ทางศบค. ไม่เคยที่จะพูดถึงเรื่องการถอดหน้ากากอนามัยนี้
มีแต่จะบอกประชาชนว่า อย่าไปถอด ใส่ได้ก็ใส่ไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงจาการติดเชื้อทั้งตัวเราเอง และคนรอบข้างหรือคนอื่น ส่วนหากจะถอดก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจและพิจารณาจากสถานการณ์ สภาพแวดล้อมนั้นๆ
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังเผยอีกว่า การพิจารณาเสนอมาตรการ ศบค. ชุดใหญ่ ในการประชุมวันที่ 8 ก.ค.65 นี้ หากจะมีการเสนอก็คงขึ้นอยู่กับห้วงเวลาสถานการณ์ ว่าเป็นอย่างไร ถ้าดีขึ้นก็อาจจะพิจารณาผ่อนปรนลดหย่อน เป็นต้น
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของ ประเทศไทย ในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ที่ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มขยับสูงขึ้น ว่าระบบการคัดกรองผู้ป่วยที่ติดเชื้อ การรักษาพยาบาล การดูแล ป้องกัน ยังมีประสิทธิภาพที่สูง มาตรการต่างๆ ได้ผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความสะดวกสูงสุด
ทำโดยการประเมินจากสถานการณ์และความพร้อมด้านระบบสาธารณสุชและบริการต่างๆ ประเทศต้องเดินไปแบบนี้ ซึ่งประเทศไทยยังได้รับความร่วมมือและความตระหนักจากประชาชน อยู่ระดับสูงกว่าหลายประเทศ ทำให้เรากล้าตัดสินใจเดินหน้า
บางประเทศ หน้ากากอนามัยขายไม่ออกแล้ว ไม่มีการใส่หน้ากากอนามัย แม้มีการติดเชื้ออย่างมากมาย เขาอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ มั่นใจในเรื่องของความรุนแรงของโรค เวชภัณฑ์ที่ประเทศมีอยู่ ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน มั่นใจว่ามีศักยภาพเพียงพอในการที่จะให้การดูแล รักษาผู้ติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้น จะพยายามทุกอย่างให้เศรษฐกิจ ได้ขับเคลื่อนไป โดยไม่เกิดสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน
เมื่อถามถึงความกังวลต่อการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ BA.4 /BA.5 นายอนุทิน กล่าวว่า มันคือโควิด-19 ซึ่งทุกสายพันธุ์ก็มีวิธีการดูแลใกล้เคียงกัน แต่ก็ต้องปรับตามสถานการณ์ เรื่องวัคซีน เป็นสิ่งที่ต้องเน้นย้ำ วัคซีน ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน อย่าไปคิดว่า 3 เข็มแล้วพอแล้วหรือตอนนี้เชื้อไม่รุนแรงมาก แล้วไม่ฉีด ซึ่งสธ.ยังยืนยันว่าการฉัดวัคซีนเข็มกระตุ้น จะก่อให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการที่จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แม้ไม่ 100 % แต่ความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตประสิทธิภาพสูงมาก
เราติดตามสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ตลอด ที่เราให้ความสำคัญ การประเมินผู้ป่วยอาการหนักและใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องใช้บริการทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด รวมถึง ผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่เป็นสถานการณ์ทั่วไป อยู่ในสภาพที่ควบคุมได้
ตราบใดที่จำนวนผู้สียชีวิตและผู้ป่วยหนักยังอยู่สภาพควบคุมได้ คงต้องดำเนินการมาตรการต่อไป ในด้านมิติป้องกันรักษามีความพร้อมในเรื่องวัคซีนที่เพียงพอ แต่คนมาฉีดต้องให้มากกว่านี้โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น เรื่องยา แพทย์ สถานพยาบาล เตียง เครื่องมือทางการแพทย์มีความพร้อมมาก มั่นใจว่าถ้ามีผู้ป่วยมากขึ้นสามารองรับได้ ขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นถ้วนหน้า
ช่วงนี้ของปีที่แล้ว ที่ประชาชนยังไม่ได้รับวัคซีน การติดเชื้อแตกต่างกันจากปัจจุบันอย่างเห็นชัด แสดงว่าวัคซีนทำงานตามหน้าที่ของเขาอยู่ เมื่อมีการฉีดเข็มกระตุ้นมากขึ้น แม้ผู้ติดเชื้อไม่ลดลง ด้วยการกลายพันธุ์ของเชื้อ แต่ความุรนแรงก็น้อยลง ส่วนสำคัญ เพราะได้วัคซีน ช่วยลดอาการของโรค นี่คือความจำเป็นของวัคซีน
อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม
รู้จัก เทพไท คือใคร ทำไมติดคุก พร้อมเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี
สร้างอนาคตไทย เตรียมเปิดตัว สมคิด ชิงนายกรัฐมนตรี หลังจบศึกซักฟอก
ทัวร์ลง! สุชาติ ปมเปรียบเทียบ ชัชชาติ – ประยุทธ์ ลั่นพูดถูกต้องแต่อาจไม่ถูกใจใคร
