วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ว่าที่ร้อยตรี บุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า“และแล้วจุดเริ่มต้นของจุดจบของ คณะก้าวหน้า ก็มาถึง
เมื่อโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ของคณะก้าวหน้า ได้ถูกราษฎรกระชากหน้ากากที่ปิดบังเรื่องฉ้อฉลได้สำเร็จ
…หลังจากที่ผมกล่าวหาคณะก้าวหน้าว่าอมเงินบริจาค คุณช่อพรรณิการ์เธอก็ถึงกับตื่นตระหนก ตกใจจนสติแตก ระงับอาการไว้ไม่อยู่ ขู่ฟ้อง ขู่ให้หยุดตรวจสอบ
…เมื่อผมไม่หยุดการตรวจสอบและได้เดินทางไปแจ้งความกล่าวหาคณะก้าวหน้าที่สน.โคกคราม คุณช่อก็ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึงจนตั้งสติไม่ได้
…คุณช่อพูดจาเหยียดหยามราษฎรที่ตรวจสอบความโปร่งใสคณะก้าวหน้าเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือจากสังคม เธออาศัยความได้เปรียบที่เป็นเจ้าของตู้เอกสารที่เก็บซ่อนความลับในคดีนั้นไว้กับตัวเอง เธอใช้วิธีปล่อยเอกสารลวงโลกออกสู่สาธารณชน เช่น รายชื่อผู้ได้รับเงิน3,000บาทที่ไม่ถูกต้องแท้จริงและสเตทเม้นหลอกเด็กที่เธอตัดแต่งแก้ไขแล้วใส่เครื่องหมายคณะก้าวหน้าเอาไว้ทุกหน้าเพื่อไว้ตอบสังคมภายหลังว่าพนักงานของคณะก้าวหน้าพิมพ์ผิดเมื่อตรวจสอบพบ
…เธอหลงลำพองใจว่าไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้จะตรวจสอบค้นหาความจริงได้แน่ๆ และถ้าหากใครขืนใช้เอกสารของเธอมาเป็นหลักเขาก็จะกลายเป็นคนพลาดพลั้งเสียทีเพราะหลงกลเธอ อย่างกรณีคุณหมอวรงค์ยกเอามาแค่ 15รายชื่อ ก็ยังต้องเจอกลลวง จึงกล้าใช้คำพูดหยามหมิ่นผมหรือใครๆก็ตามที่มาตรวจสอบว่าเป็นพวกที่กล่าวหาลอยๆ ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ก็ใครจะมีได้อย่างไรเมื่อเธอเก็บความลับใส่ตู้ไขกุญแจเก็บไว้อย่างดี ส่วนเอกสารที่เปิดเผยนั้นก็ล้วนแต่เป็นเอกสารลวงโลกที่คณะก้าวหน้าผลิตขึ้นมาใช้เป็นกลลวงให้หลงทาง
….แต่แล้วเธอก็พลาดจนได้ เมื่อเธอตัดสินใจฟ้องผม เป็นคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเรียกค่าเสียหาย 1ล้านบาท..นี่เองคือสิ่งที่เธอพลาด เพราะว่าต่อจากนี้ไป บุญเกื้อก็จะกลายเป็นคนที่มีสิทธิขออำนาจศาลขอเอกสารความลับต่างๆจากธนาคารได้อย่างหมดไส้หมดพุงกันเลยทีเดียว
…ขอขอบคุณคณะก้าวหน้า โดยคุณช่อที่ได้มอบกุญแจไขตู้เอกสารไว้ในมือผมแล้ว ขอบคุณครับ
