โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์อยากเลือกตั้ง ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจำเลย 5 คน คดี แจกสติกเกอร์โหวตโนประชามติ บ้านโป่ง ในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อ 10 ก.ค. 59
โดยเธอ กล่าวว่า เมื่อวานมีคำพิพากษาศาลฎีกาคดี “แจกสติกเกอร์โหวตโนประชามติ บ้านโป่ง” เมื่อ 10 ก.ค. 2559 ยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ซึ่งประกอบด้วยทั้งนักกิจกรรมและนักข่าวค่ะ
โบว์ ณัฏฐา จวก ม้า อรนภา แสดงความคิดเห็นขัดต่อสิทธิมนุษยชน มีราคาต้องจ่าย
โบว์ ณัฏฐา อัด ประยุทธ์ กระจอก ใส่ร้ายเด็กว่าถ้าไม่ ชูสามนิ้ว จะถูกบูลลี่
นี่เป็นอีกหนึ่งคดีที่ชี้ให้เห็นความบิดเบี้ยวของกระบวนการประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 59 ก่อนที่เราจะมีรัฐธรรมนูญ 60 ใช้กัน ตอนนั้นมีการออก พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติฯ ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือตั้งข้อหาปิดปากประชาชน นักวิชาการ นักการเมืองที่ออกมารณรงค์โหวตโน ผู้รณรงค์จำนวนหนึ่งถูกขังคุกก่อนวันประชามติ แม้แต่มิวสิควีดีโอสนุกๆที่ทำออกมาเพื่อรณรงค์ ผู้เกี่ยวข้องก็เคยถูกรัฐบาลขู่ว่าจะดำเนินคดี ในขณะที่รัฐบาลคสช.ส่งทหารและครูนับแสนคนลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้คนโหวตร่างรัฐธรรมนูญ
โบว์ ณัฏฐา ตั้งข้อสังเกต บิ๊กแดง ใช้วาทกรรม ชังชาติ ตามหมอวรงค์ – หมอเหรียญทอง
ในคดีนี้จำเลยมีเพียงสติ๊กเกอร์โหวตโนและสื่อรณรงค์อยู่ในรถ แม้แต่นักข่าวที่ติดรถไปทำข่าวก็ถูกตั้งข้อหา พวกเขาใช้เวลาถึง 4 ปีในการสู้คดี โดยมีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ความช่วยเหลือ
นั่นคือภาพที่มาของรัฐธรรมนูญ 60 รัฐธรรมนูญที่ถูกร่างภายใต้การควบคุมของผู้ทำการยึดอำนาจจากประชาชน กำกับด้วยกฎหมายที่ร่างขึ้นด้วยสภาสนช.ที่เขาแต่งตั้ง และผ่านมาด้วยประชามติที่รณรงค์ได้ฝ่ายเดียว
และนี่คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เราจะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ด้วยกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยมาทดแทน