ที่ ประชุมสภา ฯ มีมติเอกฉันท์ 251 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ขณะที่นายกรัฐมนตรี ขอบคุณสมาชิกทุกคน ยันเป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
เมื่อวันนี้ 19 ต.ค. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญเป็นพิเศษพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวันสุดท้าย โดยเมื่อเวลา 20.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 251 เสียง ผู้ไม่เห็นด้วยไม่มี และมีผู้งดออกเสียง 234 เสียง ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ผ่านความเห็นชอบรับหลักการวาระแรกร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ในวาระแรก ตลอด 3 วันที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาล เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา สอดคล้องต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมยืนยันว่า ความเห็น และข้อสังเกตในการอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ จะนำไปใช้ประกอบการพิจารณาด้วยความรอบคอบให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นผู้อภิปรายปิดการพิจารณา เปิดเผยสาเหตุที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ลงมติงดออกเสียง เนื่องจากเป็นห่วงประเทศชาติที่จะกำลังรองบประมาณ หรือหากจะยกมือให้ผ่านก็ทำใจลำบาก จึงขอให้โอกาสรัฐบาลในการพิจารณาปรับแก้จัดสรรงบประมาณออกมาให้ดีที่สุด ตามที่ฝ่ายค้านให้โอกาสไป
นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ประชาชนมีความยากลำบาก จึงเรียกร้องให้รัฐบาล และกรรมาธิการ ไปเกลี่ยงบประมาณใหม่ ไปใช้ในการพัฒนาคน พัฒนาการศึกษา และระบบประกันสุขภาพ ลดงบของหน่วยงานด้านความมั่นคง และขออย่าขึ้นภาษีประชาชน หรือกู้เงินเพิ่ม แต่ควรปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณค้างท่อ ที่ควรเร่งเบิกจ่าย เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
จากนั้น ที่ประชุมมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ จำนวน 64 คน แบ่งสัดส่วนเป็นผู้แทนจากคณะรัฐมนตรี 15 คน, ส.ส.รัฐบาล 24 คน และฝ่ายค้าน 25 คน ซึ่งใน 25 คนนี้ ปรากฏชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นกมธ.ชุดนี้ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้ กมธ.ชุดนี้มีระยะเวลาการพิจารณาปรับแก้ตามข้อเสนอของส.ส. ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และมีกำหนดแปรญัตติ 30 วัน แต่จะต้องนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระ 2 และ 3 ระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค.นี้ เพื่อไม่ให้เกินกรอบเวลา 105 วัน ที่สภาฯจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ นับแต่วันที่ได้รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯจากรัฐบาล มิเช่นนั้นจะถือว่าสภาฯให้ความเห็นชอบต่อร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯฉบับนี้