ตรึงราคาเนื้อไก่ —- วันที่ 11 มกราคม 2565 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์ไข่ไก่และไก่เนื้อว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา กรมได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่วมกัน กำหนดราคาจำหน่ายไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม และราคาจำหน่ายปลีกชิ้นส่วนไก่สด เป็นระยะเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2565
ราคาไก่สด พุ่งกก.ละ 80 บาท แต่ขายไม่ดีแม้เนื้อหมูแพง คาดคึกคักช่วงตรุษจีนแต่ราคาสูงอีก
ในส่วนของราคาจำหน่ายเนื้อไก่ มีดังนี้
-ไก่สดมีชีวิต จำหน่ายในราคา 33.50 บาทต่อกิโลกรัม
-ไก่สด รวมเครื่องในและไม่รวมเครื่องใน จำหน่าย 60-65 บาทต่อกิโลกรัม
–น่องติดสะโพก น่อง สะโพก จำหน่าย 60-65 บาทต่อกิโลกรัม
-เนื้ออก จำหน่าย 65-70 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ดี เป็นการแก้ไขและช่วยเหลือผู้บริโภคในระยะสั้น ส่วนระยะยาว กรมจะหารือกับกรมปศุสัตว์และผู้เลี้ยงในการเร่งเพิ่มการผลิตโดยเร่งด่วน โดยการเลี้ยงไก่นั้นระยะเวลา 45 วัน พร้อมทั้งหามาตรการช่วยเหลือผู้เลี้ยงเพื่อแบ่งเบาภาระให้ด้วย
ขณะที่ราคาไข่ไก่ ที่มีการประกาศขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุด วันนี้ 11 มกราคม 2565 กรมการค้าภายในได้เชิญหน่วยงาน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ ถึงเหตุจำเป็นในการปรับขึ้นราคาไก่ไข่ ซึ่งก็ต้องหารือพิจารณาอย่างรอบควบตามปริมาณและความต้องการที่เกิดขึ้นจริง ก่อนที่จะพิจารณาหามาตรการช่วยเหลือผู้บริโภค ผู้เลี้ยง ต่อไปด้วย ส่วนผู้ค้าที่ปรับราคาไปแล้วนั้นก็ขอให้ขายในราคาเดิมก่อนจนกว่าจะได้ข้อสรุป ซึ่งราคาต้นทุนไข่ไก่ ตามสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) 2.85 บาทต่อฟอง
เนื้อหมูแพง! ว่าจะ เปลี่ยนมากินไก่ แต่เจอแบบนี้ยังกล้ากินลงไหม มันเยอะไปป่าว?
นายวัฒนศักย์กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามสถานการณ์ราคาหมูเพิ่มสูง กรมการค้าภายในได้ขยาย “โครงการพาณิชย์ลดราคาหมู” ออกไปถึงสิ้นเดือนมกราคม 2565 นี้ จากเดิมถึงวันที่ 15 มกราคม 2565 นี้ โดยในกรุงเทพฯ จะมีจุดขายหมู กก.ละ 150 บาท ทั้งหมด 116 จุด แยกเป็นรถโมบายตระเวนตามพื้นที่ต่าง ๆ 50 คัน และตั้งจุดจำหน่ายอีก 50 จุด ส่วนต่างจังหวัดมี 551 จุด รวมเป็นทั้งหมด 667 จุด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนสามารถซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาดได้”
นอกจากนี้ กรมอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดและสินค้าที่จำเป็น เพื่อช่วยเหลือประชาชน ให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น อย่างเช่น สถานีบริการน้ำมัน ซึ่งมีกว่า 1,500 จุด