นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงข่าวกลับคืนสู่อิสรภาพ หลังถอดกำไล EM ครบกำหนดวันต้อง โดยระบุในตอนหนึ่งว่า ขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติ ตลอดช่วงที่ถูกคุมประพฤติก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง
ส่วนตัวขณะนี้ยังมีคดีความที่ต้องต่อสู้ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเคลื่อนไหวในปี 2552 และ 2553 อีกหลายคดี แม้สถานะของตนยังเป็นผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ในฐานะประชาชน ยังยืนยันจุดยืนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ประกาศนัดหารือในวันที่ 4 เม.ย. เพื่อกำหนดแนวทางในการขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยใด ๆ กับนายจตุพร แต่เห็นว่านายจตุพร และอีกหลาย ๆ คนล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษานั้น ทุกคนถือว่าอยู่ในสถานะเดียวกันกับตนมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน จุดยืนจองตนที่ต่อสู้มาหลายปีนั้น จึงขอแสดงตัวยืนเคียงข้างนักศึกษา และประชาชนที่กำลังต่อสู้อยู่ ที่ต้องการเห็นประเทศมีการเปลี่ยนแปลง โดยยืนยันว่าไม่มีใครถูกล้างสมองหรือชักจูงโดยใครแน่นอน