ชุมนุมใหญ่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ห่วงใยและปรารถนาดีกับการชุมนุม 14 ตุลานี้ ขอให้ฝ่ายรัฐอำนวยความสะดวกกับผู้ชุมนุม พร้อมทั้งเข้มงวดรักษาความปลอดภัยอย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นและอย่าได้มีวีรชนเกิดขึ้นกันอีกสักคนเดียวในปี 2563
ส่วนตัวกังขาว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเมื่อ 14 ตุลาแบบม้วนเดียวจบนั้น จะเอาประเด็นอะไรเป็นหลัก ถ้าเป็นเรื่อง รธน.และไล่รัฐบาลยังพอเห็นเค้าจะประสบความสำเร็จ แต่คงต้องดำเนินการเป็นช่วง ๆ
ส่วนคนเสื้อแดงจะมาร่วมชุมนุมนั้น เป็นสิทธิและเสรีภาพ สำหรับตนแล้วยังอยู่ที่สถานะคัดท้ายเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ถ้าประเด็นเรียกร้องเลยเถิดไปจาก 3 ข้อเรียกร้องแล้ว จึงเท่ากับเลยจุดยืนของตน ซึ่งมีความห่วงใย
อีกอย่าง ยังยืนหยัดว่า หากการชุมนุมมีเป้าประสงค์มุ่งไปที่รัฐบาล และระบบรัฐสภาแล้ว จะมีโอกาสบรรลุชัยชนะได้ แต่เมื่อเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว คงต้องถามว่า ปัญหาวันนี้ต้องการอะไร
สิ่งสำคัญของเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น มาจากการสร้างสถานการณ์ปลุกกระแสโค่นล้มสถาบัน จึงเกิดความเกลียดชังนักศึกษา ประชาชนอย่างรุนแรงในช่วงนั้น จนทำให้ใช้ความอำมหิตตามมา เมื่อประวัติศาสตร์สอนให้รู้ถึงบทเรียนแล้ว มาครั้งนี้ยังนำเสนอแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้แล้ว สถานการณ์จึงน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง
ส่วนกรณี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ย้ำว่าการรัฐประหารมีโอกาสเป็นศูนย์ นั้น ประกอบกับ สถานการณ์กำลังนำไปสู่การชุมนุม 14 ตุลา จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนอีกฝ่ายก็ปลุกกันทั่วประเทศ ซึ่งอาจวิวัฒนาการนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาได้ จึงคาดว่า ถ้าประเด็นเรียกร้องทะลุเพดาน 3 ข้อเรียกร้องไปแล้ว คงไม่เห็นทางเดินไปสู่เป้าหมายความต้องการได้
“ผมยังยืนยันว่า ต้องให้มีการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติวิธี ไม่ว่าจะเกิดมีความเห็นแตกต่างก็ตาม การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาต้องไม่เกิดขึ้น จะต้องไม่มีวีรชนเกิดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อวีรชนคือคนตาย ดังนั้นในปี 2563 ประเทศไทยไม่ควรมีวีรชนกันอีกต่อไป จึงหวังว่า ฝ่ายรัฐควรใช้ความอดทน และต้องป้องกันโรคแทรกซ้อนให้กับผู้ชุมนุมด้วย” ประธานนปช. ระบุ