สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล สานต่อธรรมเนียม ตั้งฉายารัฐบาลปี 2566 ได้แก่ แกงส้ม “ผลัก” รวม พร้อมเปิดความหมายของฉายา
เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น สำหรับกิจกรรมที่ สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล จะทำร่วมกัน นั้นคือการตั้ง ฉายารัฐบาล ให้นั่งการเมืองแต่ละคน รวมไปถึงการตั้งฉายาให้ รัฐบาลให้ปีนั้นๆ ดังเช่นปีที่แล้ว ในยุครัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตอนนั้นก็ได้ฉายาว่า “หน้ากากคนดี” เนื่องจากปีที่แล้ว ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่
หรือแม้แต่ ฉายาของ พลเอกประยุทธ์ ก็ได้ขนานนามว่า “แปดเปื้อน” โดยมีความหมายว่า ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหา ถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนาน พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่ศาลมีคำสั่ง ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในตัวของ พล.อ. ประยุทธ์ แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไปนั้นเอง
ล่าสุด ฉายารัฐบาล ในปีนี้ วันที่ 26 ธันวาคม 2566 มีรายงานข่าวสีสันการเมือง ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล มีมติตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2566 ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ โดย ฉายารัฐบาล คือ แกงส้ม”ผลัก” รวม
ความหมายคือ
ซึ่งมีนัยยะว่า “แกง” คือ คำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่า แกล้ง “ส้ม” คือ สีของพรรคก้าวไกล ส่วนคำว่า “ผลักรวม” ล้อมาจากคำว่า “ผักรวม” เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้ว นิยามความหมายในทางการเมือง สะท้อนกระแสสังคม มองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOUถูกฉีก และ ถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และ ข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล “มีลุง” ก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรม “ตระบัดสัตย์” ดังนั้น แกงส้ม”ผลัก”รวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมือง ของการจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า “ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง” นั่นเอง
ส่วนฉายาของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คือ เซลล์แมนสแตนด์ “ชิน” ซึ่งมีนัยยะว่า นับแต่เศรษฐีที่ชื่อ “เศรษฐา” เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าทำงานทันที โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ ต้องยอมรับในความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋า ไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก ประกาศตัวเป็นเซลล์แมนเต็มรูปแบบ
แต่ในทางการเมือง ยังถูกมองว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เงาของคนในตระกูล “ชินวัตร” ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทน หรือ สแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่ ว่า “นายกฯ คนไหน มีนายกฯ 2 คน” อีกทั้ง หลายๆนโยบายคนมองว่าเป็นการต่อยอดมาจากนโยบายเดิม ของรัฐบาลนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์
