เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2563 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ ว่า ได้ดูคำร้องที่นายเรืองไกรยื่นแล้ว เป็นคำร้องที่ไร้สาระ ไม่มีประเด็นข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงใดๆ มองว่าเป็นการร้องที่เป็นภาระ น่าอายให้กับ กกต.
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เพื่อให้กระบวนการที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐ ผู้ร้องจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ จึงจะดำเนินการตรวจสอบนายเรืองไกร โดยการไปยื่นคำร้องให้ กกต.พิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.101 ที่ระบุว่า “ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น” ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของ กกต.
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่จะดำเนินการ เนื่องจาก กกต.เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย จึงจะไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับนายเรืองไกร ในฐานความผิดตามกฎหมายอาญา ม.173 ที่ระบุว่า ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
“ที่จะต้องดำเนินการก็เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างว่า ผู้ใดที่จะทำการตรวจสอบต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ ทำอะไรต้องมีข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย อย่าสร้างภาระให้กับเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ โดยเมื่อฟ้องมา 1 ก็จะฟ้องกลับไป 2 และสิ่งเหล่านี้จะถือเป็นกติกาไว้ ดังนั้น ใครอยากจะฟ้องผมก็เชิญ” นายไพบูลย์ กล่าว