ศาลไต่สวนพยานนัดสุดท้ายคดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” ยอมรับตื่นเต้นและไม่หนี พร้อมมาฟังคำตัดสิน 25 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลไต่สวนพยานนัดสุดท้ายคดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน
ทั้งนี้ ในชั้นศาลนายพานทองแท้ ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นที่ได้ร่วมลงทุนกับนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร และนายพานทองแท้ ได้ขึ้นเบิกความด้วยตนเองเพียงปากเดียว ว่า เป็นการทำธุรกิจนำเข้ารถรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ ที่จะมีนายรัชดา บุตรชายวิชัย ผู้บริหารเครือกฤษดามหานครร่วมด้วย และใช้เงินลงทุนคนละ 20 ล้านบาท เบื้องต้นให้นายเฉลิม แผลงศร ซึ่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน(CFO) ที่ดูแลเรื่องการเงินทุกบริษัทของจำเลยไปศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจดังกล่าว โดยสุดท้ายธุรกิจนี้ไม่ได้ดำเนินไป เพราะไม่คุ้มเงินลงทุน จึงยุติลงในชั้นของการศึกษาแนวทาง
นอกจากนี้ จำเลยยังได้ตอบคำถามศาลเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวและของตัวจำเลยรวมทั้งความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างตัวจำเลยกับนายเฉลิมและระหว่างตัวจำเลยกับนายรัชดาและนายวิชัย ว่าในครอบครัวของจำเลยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองคือ นายทักษิณ บิดา,น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาของจำเลย และมีการประกอบธุรกิจส่วนตัวร่วมกัน 7 กิจการ
ตลอดจนยังตอบคำถามศาลด้วยว่า ระหว่างการถูกดำเนินคดีจำเลยได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ 3 หน่วยงาน ที่เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานได้ตรวจสอบ ซึ่งมี 2 หน่วยงานที่แจ้งกลับมาว่าจะทำการตรวจสอบให้ คือ สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โดยจำเลยยืนยันว่าจำเลยไม่รู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองใดๆเป็นการส่วนตัวกับพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเบิกความเสร็จศาลเห็นว่าได้ไต่สวนพยานครบถ้วนเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้แล้ว จึงนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้วันที่ 25 พฤศจิกายน นี้ เวลา 10.00 น.โดยให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นคำแถลงปิดคดีภายใน 30 วัน นับจากวันนี้หากไม่ยื่นภายในกำหนดจะถือว่าไม่ติดใจ
ต่อมา นายพานทองแท้ กล่าวภายหลังศาลไต่สวนพยานนัดสุดท้ายว่า ไม่ได้เครียดอะไรมาก แต่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ ศาลได้สั่งเกตเห็นอาการตื่นเต้น เพราะถือว่าเป็นการเข้าไต่สวนเป็นครั้งแรก บรรยากาศในห้องพิจารณาไม่เครียด ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะพูดทุกอย่างตามความจริง วันนี้ตนเองได้ให้คำตอบกับศาลไปอย่างชัดเจน ในทุกข้อซักถาม แต่ก็ไม่ทราบว่าจะชัดพอไหม และมีความคาดหวัง สิ่งที่พูดไปกับศาลวันนี้ จะทำให้ผลการตัดสินจะออกไปในทิศทางที่ดี ซึ่งหลังจากเสร็จขึ้นศาลวันนี้ ตนเองจะไปทำบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคล และจะกลับมาฟังคำตัดสินอีกครั้งด้วยตนเอง