ปารีณา พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส.พ.ต.อ.ธีระพงษ์ วงศ์มุนีวร ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ปทส. พ.ต.ท.คำนวณ จันทร์อนันต์ รองผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ปทส. และคณะพนักงานสอบสวน เข้าประชุมเพื่อสรุปสำนวนคดีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีครอบครองที่ดินใน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
พล.ต.ต.พิทักษ์ เผยว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน ได้ตรวจสอบรายละเอียดของสำนวนการสอบสวนจนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาทางปปช.ได้ส่งคดีกลับคืนมาให้ บก.ปทส.รับไปดำเนินการ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง และเตรียมส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ จ.ราชบุรี สั่งฟ้อง ซึ่งตัวของ น.ส.ปารีณา เองก็นัดหมายกับพนักงานสอบสวนไว้แล้วด้วยว่า จะมาพบอัยการด้วยตัวเองในวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ ในเวลา 10.00 น.
พล.ต.ต.พิทักษ์ เผยอีกว่า สำหรับสำนวนที่พนักงานสอบสวนได้สรุปสั่งฟ้องให้อัยการพิจารณา มีด้วยกันทั้งหมด 6 แฟ้มความหนากว่า 2,408 หน้า และได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมตามที่ น.ส.ปารีณา ร้องขอมาอีก 3 ปาก ซึ่งเป็นพยานที่ดินข้างเคียง
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบความผิดใน 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ม.14 และม.31 “ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเบ็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต”ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484”
ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่าห้าสิบไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
และความผิดตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 “ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีคดีบุกรุกป่าฯ ที่มีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุก 4-20 ปี ปรับ 200,000-2,000,000 บาท
นอกจากนี้ น.ส.ปารีณา ยังจะถูกดำเนินคดีในฐานะบุคคลและนิติบุคคลผู้มีอำนาจเต็มอีกด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมาคดีนี้ ได้มีผู้กล่าวหาเข้าร้องเรียนทั้งหมด 5 ราย ประกอบไปด้วย นายวีระ สมความคิด, นายพัฒนะ ศิริมัย นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการสำนักป่าไม้จังหวัดราชบุรี, นายสุรเชษฐ์ ศรีแดงรักษา นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ผู้อำนวยการป่าไม้จังหวัดราชบุรี, นายวัชระ ละอออ่อน นักวิชาการป่าไม้ปฎิบัติการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 และนายสมชาย เลขาวิวัฒน์ ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดราชบุรี ที่เคยร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด
โดยมี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ในฐานะนิติบุคคลและส่วนตัว หลังพบว่า มีการบุกรุกที่ป่าไม้ ของเขาสนฟาร์ม หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 711 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา
และนอกจากจะดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา แล้ว ทางพนักงานสอบสวน บก.ปทส.ยัง เรียก นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อหาเดียวกันกับ น.ส.ปารีณา กรณีถูกร้องเรียนว่าบุกรุกที่ดินรัฐ กว่า 1 พันไร่ บริเวณหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อีกด้วย